ภาพที่ทุกคนเห็นอยู่ตอนนี้ คืออาคารสุดล้ำ ที่มีบรรยากาศดุจต้องมนต์ ถ้าดูอย่างผิวเผินหลายคนอาจจะคิดว่าเป็นฝีมือของศิลปินสักคนที่ได้มาสร้างสรรค์ผลงานไว้ แต่ทุกคนเชื่อกันไหมว่าภาพนี้กลับไม่ได้ใช้ศิลปินแม้แต่คนเดียว เพราะนี่คือผลงานศิลปะจาก AI หรือปัญญาประดิษฐ์ที่ชื่อว่า “Midjourney”

ช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา “Midjourney” ได้เรียกเสียงฮือฮาให้กับคนทำงานศิลปะและคนทั่วไปที่ชื่นชอบศิลปะไม่น้อย เพราะมันสามารถวาดทุกสิ่งตามที่คนป้อนคำสั่งได้ ใช้เวลาแค่ไม่กี่นาทีก็ได้ภาพตามที่ต้องการ แถมทุกผลงานยังสร้างออกมาได้อย่างน่าทึ่ง เหนือจินตนาการ เทคนิคการใช้ฝีแปรงก็สามารถพลิกแพลงได้หลากหลาย ราวกับลายเส้นของมนุษย์ ทำให้ภาพที่ออกมาสร้างแรงดึงดูดให้กับผู้ชมได้เป็นอย่างดี ถึงขนาดที่มีแฟนคลับที่ชื่นชอบผลงานเป็นจำนวนมากจนเกิดเป็นคอมมูนิตี้ขนาดใหญ่ทั่วโลก

ถึงขนาดที่ว่าคนนำไปต่อยอดไอเดียเป็นมีม คอมมิคหรือกราฟิกโนเวลอยู่หลายเรื่อง แม้แต่สื่อด้านธุรกิจชื่อดังในอังกฤษอย่าง The Economist ก็เคยนำผลงานมาใช้เป็นภาพปกนิตยสารเมื่อเดือนมิถุนายน 2565 ที่ผ่านมา แล้วทุกคนเคยสงสัยกันไหมว่า Midjourney มีเทคโนโลยีอะไรอยู่เบื้องหลัง ถึงสามารถสร้างสรรค์ผลงานเช่นนี้ได้และใครคือผู้คิดค้นนวัตกรรมนี้ มาหาคำตอบไปพร้อมกัน!

Midjourney เป็นผลงานนวัตกรรมที่เกิดขึ้นจากแล็ปเล็กๆ เพียงไม่กี่คน โดยมีหัวหอกสำคัญอย่าง “David Holz” เป็นผู้นำโครงการนี้ ซึ่งเขาเคยเป็นอดีตนักวิจัยด้านประสาทวิทยาของ NASA และเคยร่วมก่อตั้งบริษัท Leap Motion ขึ้นมา เป็นบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านฮาร์ดแวร์สำหรับ Motion Tracking ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่มักใช้ในงานแอนิเมชันหรืองานอินเทอร์แอคทีฟต่างๆ แต่ก็ยังไม่ใช่ทางที่ใช่หรือเติมเต็มความฝันได้ทั้งหมด

ด้วยความหลงใหลในงานศิลปะ งานออกแบบ และเทคโนโลยี ทำให้เขามุ่งพัฒนานวัตกรรมด้านนี้เรื่อยมา จนเกิดเป็นผลงานสุดไวรัล สร้างชื่อให้กับเขา ด้วยความเชื่อที่ว่าเทคโนโลยีคือเครื่องมือสร้างจินตนาการชั้นดี แม้เขาจะยังไม่มีเงินทุนสนับสนุนเลยก็ตาม แต่นั่นก็ทำให้เขาสามารถสร้างผลงานที่ไร้ข้อจำกัดได้ และทำมันด้วยความสนุกสนาน ซึ่งนับเป็นการผสมผสานองค์ความรู้ในโลกร่วมสมัย ที่เชื่อมเส้นแบ่งระหว่างโลกวิทยาศาสตร์และโลกศิลปะได้อย่างลงตัวกันมากขึ้น

สำหรับนวัตกรรมหรือเทคโนโลยีที่อยู่เบื้องหลัง Midjourney นั้น จริงๆ แล้วแทบไม่ต่างกับ AI Image Generators รายอื่นๆ เช่น DALL-E ซึ่งเป็น Text-to-Image Models หรือการสร้างภาพออกมาตามชุดคำสั่งที่ป้อนเข้าไป แต่ Midjourney เลือกช่องทางที่เป็นมิตรกับผู้ใช้ทั่วไปอย่าง Discord ทำให้คนเข้าถึงได้ง่ายขึ้น และสามารถโต้ตอบได้ตลอดเวลา แถมมีการรันคำสั่งที่ง่ายดาย ด้วยการใช้ CodeGen อย่าง “/imagine:prompt” จากนั้น AI ก็จะไปรวบรวมภาพที่อยู่บน Search Engine หรือฐานข้อมูลภาพในอินเทอร์เน็ตทั้งหมด มาแยกส่วนและนำมาประกอบขึ้นมาใหม่ จนกลายเป็นผลงานให้เราได้เห็น

ซึ่งการเกิดขึ้นของ Midjourney ได้สร้างประเด็นในวงการศิลปะเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเรื่อง AI จะเข้ามาแทนที่ศิลปินผู้สร้างสรรค์งานศิลปะในอนาคตหรือไม่ รวมถึงประเด็นเรื่องลิขสิทธิ์ภาพที่เป็นต้นแบบให้กับ AI ก็ยังเป็นข้อถกเถียงกันอยู่ แต่สำหรับหลายคนก็เชื่อว่าสิ่งนี้เป็นเพียงเครื่องมือที่จะเข้ามาช่วยให้คนทำงานสร้างสรรค์ได้ง่ายขึ้น ซึ่งก็ต้องรอดูกันต่อไปว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างในอนาคต แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้กลายเป็นเทรนด์มาแรงจนถึงขนาดที่ว่า TikTok ได้ออกฟังก์ชันที่ใช้ AI แบบเดียวกันตามมาแล้ว

ใครที่สนใจนวัตกรรมนี้ ก็ลองเข้าไปศึกษากันได้ที่ https://www.midjourney.com/home/ หรือทาง Discord https://discord.gg/midjourney แล้วมาแบ่งปันรูปกันใต้คอมเมนต์ได้เลย รอดูผลงานสุดปังอยู่นะ!

ข้อมูลอ้างอิงจาก :
https://www.economist.com/interactive/briefing/2022/06/11/huge-foundation-models-are-turbo-charging-ai-progress
https://www.theverge.com/2022/8/2/23287173/ai-image-generation-art-midjourney-multiverse-interview-david-holz
https://techcrunch.com/2022/08/02/ai-art-generated/
https://techcrunch.com/2022/08/15/tiktok-in-app-text-to-image-ai-generator/
https://www.bbc.com/thai/articles/c1rexy9d7nyo
https://midjourney.gitbook.io/docs/