สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน)
Search
color contrast
Normal
Black & White
Black & Yellow
font size

เปิดภูมิทัศน์ “โครงสร้างพื้นฐาน” ปัจจัยวัดศักยภาพด้านนวัตกรรมของประเทศ

21 กุมภาพันธ์ 2568 136

เปิดภูมิทัศน์ “โครงสร้างพื้นฐาน” ปัจจัยวัดศักยภาพด้านนวัตกรรมของประเทศ

🏗️ #GIISeries “โครงสร้างพื้นฐาน” คือหัวใจสำคัญในการพัฒนาประเทศ เปรียบเสมือนเส้นเลือดที่คอยหล่อเลี้ยงระบบนิเวศนวัตกรรม และระบบเศรษฐกิจ เป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่กำหนดศักยภาพด้านนวัตกรรมของประเทศ ซึ่งมีผลต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและการดึงดูดการลงทุน ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยได้มีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในหลายด้านเพื่อเสริมสร้างระบบนิเวศนวัตกรรมให้แข็งแกร่งขึ้น

📊 โดยหนึ่งในตัวชี้วัดการจัดอันดับ “ดัชนีนวัตกรรมโลก หรือ GII” มีตัวชี้วัดด้าน “โครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure)” ที่สะท้อนถึงศักยภาพของประเทศในด้านโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนานวัตกรรม เช่น โครงข่ายการสื่อสาร การเข้าถึงอินเทอร์เน็ต ระบบพลังงาน ระบบขนส่ง ความยั่งยืนทางระบบนิเวศ และการพัฒนาเมือง มีความสำคัญต่อการสร้างสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมการคิดค้นนวัตกรรมในธุรกิจและการศึกษา โดยมีเป้าหมายเพื่อประเมินความพร้อมของประเทศในการสนับสนุนนวัตกรรมผ่านปัจจัยด้านโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งและเอื้อต่อการพัฒนาเทคโนโลยีและเศรษฐกิจ

แนวโน้มการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านนวัตกรรมของประเทศไทย ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา รัฐบาลไทยได้เร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานหลายด้าน แนวโน้มความก้าวหน้าโครงสร้างพื้นฐานมีพัฒนาการที่ดีขึ้น เช่น เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) มีอัตราการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตในประเทศไทยเพิ่มขึ้นจาก 45% ในปี 2013 เป็น 85% ในปี 2023 (ที่มา: กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม) สะท้อนถึงความพยายามในการขยายโครงข่ายการสื่อสารและเพิ่มการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตให้กับประชาชน ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับการพัฒนานวัตกรรมดิจิทัลและเศรษฐกิจดิจิทัล ขณะที่ในด้านระบบขนส่งและโลจิสติกส์ มีจำนวนสถานีรถไฟฟ้าในกรุงเทพฯ และปริมณฑลเพิ่มขึ้นจาก 50 สถานีในปี 2013 เป็นกว่า 190 สถานีในปี 2023 (ที่มา: การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย) การพัฒนาระบบขนส่งมวลชนนี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดปัญหาการจราจร แต่ยังส่งเสริมการเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจและการเข้าถึงแหล่งงานและการศึกษา ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างระบบนิเวศนวัตกรรม ตลอดจนในแง่พลังงานและความยั่งยืน สามารถเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนได้ โดยเพิ่มขึ้นจาก 12,000 MW ในปี 2013 เป็น 27,000 MW ในปี 2023 (ที่มา: การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย) การพัฒนาด้านพลังงานสะอาดนี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดการพึ่งพาพลังงานฟอสซิล แต่ยังส่งเสริมการพัฒนานวัตกรรมด้านพลังงานทดแทนและความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อมอีกด้วย

⚙️นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมที่ภาครัฐดำเนินการเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศอย่าง “นโยบายประเทศไทย 4.0 (Thailand 4.0)” ที่มุ่งเน้นการใช้นวัตกรรมในการกระจายโอกาส ทั้งยังมีการจัดตั้งเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ EEC จุดยุทธศาสตร์ที่ถูกตั้งให้เป็นแหล่งลงทุนขนาดใหญ่แห่งภูมิภาค โดยมีการกำหนดอุตสาหกรรมเป้าหมาย การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนาแรงงาน และการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ ในภาคการผลิต เพื่อรองรับการลงทุน โดยมีการสนับสนุนงบประมาณการลงทุนด้าน R&D เพิ่มขึ้นจาก 0.44% ของ GDP ในปี 2013 เป็น 1.07% ในปี 2023 (ที่มา: สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ) ซึ่งสะท้อนถึงความพยายามของรัฐบาลในการส่งเสริมการวิจัยและพัฒนานวัตกรรม การลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) เพิ่มขึ้นจาก 500,000 ล้านบาทในปี 2013 เป็นกว่า 1.5 ล้านล้านบาทในปี 2023 (ที่มา: สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน) และการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ (Smart Cities) จำนวนเมืองอัจฉริยะในประเทศไทยเพิ่มจาก 3 เมืองในปี 2013 เป็น 30 เมืองในปี 2023 (ที่มา: สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล) การพัฒนาเมืองอัจฉริยะนี้ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตของประชาชน แต่ยังส่งเสริมการใช้นวัตกรรมในการบริหารจัดการเมือง

NIA เป็นอีกหนึ่งหน่วยงานที่มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมและสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานด้านนวัตกรรมของประเทศไทยในช่วงที่ผ่านมา โดยมุ่งพัฒนาในมิตินวัตกรรมเชิงพื้นที่ (Area - Based Innovation) เพื่อเร่งสร้างพื้นที่นวัตกรรมในระดับย่าน ระดับเมือง และระดับภูมิภาคต่างๆ ผ่านมุมมองการทำงานทั้งหมด 3 ส่วนด้วยกัน ได้แก่ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่เอื้อต่อการสร้างระบบนิเวศนวัตกรรม การบริหารทรัพยากรเพื่อให้เกิดพื้นที่นวัตกรรม และการส่งเสริมให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการพัฒนา โดยดำเนินโครงการสำคัญ ได้แก่ การพัฒนาย่านนวัตกรรม (Innovation Districts) เช่น ย่านนวัตกรรมปุณณวิถี ย่านนวัตกรรมอารีย์ ย่านนวัตกรรมการแพทย์โยธี ย่านนวัตกรรมการแพทย์สวนดอก และย่านนวัตกรรมเกษตรและอาหารแม่โจ้ เพื่อส่งเสริมระบบนิเวศนวัตกรรมในระดับพื้นที่ การสนับสนุนสตาร์ทอัพและผู้ประกอบการฐานนวัตกรรม ผ่านกลไกการให้ทุน การอบรม และเครือข่ายความร่วมมือทั้งในและต่างประเทศ การพัฒนาผู้นำด้านนวัตกรรมเมือง (Chief City Innovation Officer - CCIO) เพื่อเสริมสร้างความสามารถของผู้นำท้องถิ่นในการบริหารจัดการเมืองด้วยนวัตกรรม 

💻 ตัวอย่างย่านนวัตกรรมที่เห็นผลลัพธ์ในการจัดเตรียมความพร้อมทางด้านโครงสร้างพื้นฐานที่เข้มแข็ง คือ “ย่านนวัตกรรมปุณณวิถี” หรือ Bangkok CyberTech District ย่านนวัตกรรมต้นแบบด้านดิจิทัลที่ NIA ร่วมมือกับหลายหน่วยงานเพื่อพัฒนาพื้นที่ไปสู่ศูนย์กลางด้านดิจิทัลในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยได้มีการจัดเตรียมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมต่างๆ เช่น อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ดิจิทัลแพลตฟอร์ม IoT และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ อีก เช่น ห้องทดลอง พื้นที่สำหรับการ R&D และ Maker Space พร้อมกับตั้งศูนย์บริการ Startup Thailand Center ให้แก่สตาร์ทอัพในการจัดตั้งบริษัท 

🩺 และในการขับเคลื่อนย่านนวัตกรรม NIA ไม่ได้เห็นความสำคัญแค่เฉพาะพื้นที่ในกรุงเทพฯ เท่านั้น แต่ยังมีย่านนวัตกรรมที่โดดเด่นในจังหวัดอื่นๆ อย่าง “ย่านนวัตกรรมการแพทย์สวนดอก” ซึ่งใช้ประโยชน์จากจุดเด่นด้านการเป็นแหล่งรวมของโรงพยาบาล สถานบริการทางการแพทย์ สถานศึกษา และบุคลากรที่มีมาเชื่อมโยงกันในมิติของงานวิจัย การพัฒนานวัตกรรมที่นำมาใช้จริง ซึ่งเป็นส่วนในการผลักดันพื้นที่แห่งนี้ ให้กลายเป็นย่านนวัตกรรมการแพทย์ที่มีศักยภาพ สามารถดึงดูดความสนใจจากภาคการลงทุนได้

🎯และส่วนสุดท้ายในการพัฒนาพื้นที่อย่างยั่งยืน จะต้องมีผู้นำที่มีแนวคิดในการเปลี่ยนแปลงเมืองด้วยนวัตกรรม NIA จึงมีหลักสูตร “ผู้บริหารเมืองนวัตกรรม (Chief City Innovation Officer: CCIO)” เพื่อพัฒนาผู้นำให้มีทักษะในการวางแผนยุทธศาสตร์และนำหลักการของเมืองต้นแบบมาปรับใช้ในบริบทท้องถิ่น เพื่อให้เกิดการพัฒนาในเชิงพื้นที่ที่มีประสิทธิภาพ สร้างความเข้มแข็งให้กับระบบนวัตกรรมที่สามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกทางเศรษฐกิจได้

เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประเทศไทยมีพัฒนาการด้านโครงสร้างพื้นฐานที่น่าพอใจ โดยเฉพาะในด้านการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตและระบบขนส่งมวลชน อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยยังคงต้องเร่งพัฒนาด้านการวิจัยและพัฒนา (R&D) และการลงทุนในนวัตกรรมเพื่อให้สามารถแข่งขันกับประเทศชั้นนำในภูมิภาค เช่น สิงคโปร์ และมาเลเซีย ได้อย่างเต็มที่ ซึ่งประเทศสิงคโปร์เป็นประเทศที่มีการลงทุนด้าน R&D สูง และมีโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลที่แข็งแกร่ง ซึ่งช่วยให้ประเทศนี้เป็นศูนย์กลางนวัตกรรมในภูมิภาค และประเทศมาเลเซียมีการพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐานและนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในด้านการผลิตและการพัฒนาอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง

🤝🏻 อย่างไรก็ตาม การพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐานและนวัตกรรมของประเทศไทยยังมีโอกาสในการเติบโตอีกมาก
มีความท้าทายที่ต้องเผชิญทั้งในการกระจายการเข้าถึงโครงสร้างพื้นฐาน แม้ว่าจะมีการลงทุนในเมืองใหญ่ แต่พื้นที่ชนบทยังคงต้องการการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มเติม และการใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมประเทศไทยยังคงต้องเพิ่มการใช้เทคโนโลยีในภาคอุตสาหกรรมและธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) การลงทุนเพิ่มเติมในโครงสร้างพื้นฐาน เทคโนโลยี และการวิจัยพัฒนา จะเป็นกุญแจสำคัญในการผลักดันประเทศไทยไปสู่การเป็นประเทศที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมและเศรษฐกิจดิจิทัลในอนาคต

อ้างอิงข้อมูลจาก:
https://www.wipo.int/edocs/gii-ranking/2024/th.pdf 
https://eeco.or.th/th/development-goals
https://eeco.or.th/web-upload/filecenter/draft01.pdf 
https://www.nxpo.or.th/th/7929/ 
https://www.nia.or.th/6qd0d1ovs6.html
https://iao.bangkok.go.th/content-detail/10524
https://www.hfocus.org/content/2023/12/29386