สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน)
การให้บริการของ NIA
ความเคลื่อนไหวของ NIA
ช่องทางในการติดต่อกับ NIA
Thailand Startup 2024 Wrapped
🚀 สรุปข้อมูลภาพรวมการเติบโตของระบบนิเวศสตาร์ทอัพในประเทศไทย โดย “ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง” ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ หรือ NIA และ “นายปริวรรต วงษ์สำราญ” รองผู้อำนวยการด้านระบบนวัตกรรม NIA พร้อมเผยเทรนด์การเติบโตของสตาร์ทอัพในปี 2025
📅 สำรวจภาพรวมจำนวนสตาร์ทอัพไทย ในปี 2024 มีจำนวนสตาร์ทอัพ 2,100 ราย แบ่งเป็นสตาร์ทอัพระยะ Pre-seed 700 ราย และระยะ Go-to market หรือ Growth 1,400 ราย โดยเป็นสตาร์ทอัพที่ยังดำเนินกิจการอยู่ราว 800 ราย และส่วนมากอยู่ในกลุ่ม FinTech และ Business Solution
ส่วนอัตราการเติบโตของธุรกิจสตาร์ทอัพในไทยเมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องจากปี 2021 - 2024 โดยมีการเติบโตสะสมเพิ่มถึง 3.3% ซึ่งสตาร์ทอัพระดับ Seed มีอัตราการเติบโตถึง 4% เมื่อเทียบปี 2024 กับปี 2023 เนื่องจากมีอัตราการระดมทุนในรอบ Seed มากที่สุด
ต่อด้วยภาพรวมของสถานการณ์การลงทุนในสตาร์ทอัพในภูมิภาคอาเซียน ปี 2024 ความสามารถในการระดับทุนของประเทศไทยคิดเป็นสัดส่วนอยู่ที่ 4% โดยกลุ่มธุรกิจในประเทศไทยที่ได้รับความสนใจมากที่สุด ดูได้จากบริษัทระดับยูนิคอร์นที่มีอยู่ ก็คือ ‘กลุ่ม FinTech และ Logistics Tech’ นอกจากนั้นยังมีกล่มอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่น่าจับตามองและยังเติบโตได้อีก เช่น กลุ่ม BioTech, AgriTech, FoodTech, TravelTech และ EdTech โดยในกลุ่ม HealthTech มีการเติบโตสูงสุด
🎖 โดย NIA เองก็ได้มีส่วนในการสนับสนุนระบบนิเวศสตาร์ทอัพในหลากหลายกลไกทั้ง ‘Groom – Grant – Growth – Global’ ซึ่งในปีที่แล้วก็ได้คว้ารางวัลจาก “Startup Ecosystem Stars (SES) Awards” ถึง 3 รางวัล ประกอบไปด้วย Best-in-Class Startup Programs ที่ตอกย้ำให้เห็นการทำงานเพื่อสนับสนุนสตาร์ทอัพไทยสู่ตลาดสากล Exceptional Industry Support การผลักดันนวัตกรรมในอุตสาหกรรมต่างๆ การพัฒนาศักยภาพสตาร์ทอัพให้เติบโต และ Outstanding Investment Boost ที่เป็นการสนับสนุนการลงทุนระดับโลกสู่ประเทศไทย
🚩 เมื่อได้เห็นภาพรวมระบบนิเวศสตาร์ทอัพในประเทศไทย ปี 2024 แล้ว ก็ถึงเวลาที่จะมองหาโอกาสต่อไปในปี 2025 ซึ่ง 3 กลุ่มเทคโนโลยีที่สตาร์ทอัพมีโอกาสในการเติบโตสูงทั้งในไทยและต่างประเทศ นั่นคือ 1. เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) 2. เทคโนโลยีเพื่อความยั่งยืน (GreenTech) เทคโนโลยีสะอาด (CleanTech) และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Tech) และ 3. เทคโนโลยีทางการเงิน (FinTech)
1. เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งกำลังปฏิวัติวงการธุรกิจอย่าง โดยเฉพาะ ‘Generative AI’ เนื่องจากมีศักยภาพในการสร้างนวัตกรรม ต่อยอดไปยังอุตสาหกรรมอื่นๆ ได้อีกหลากหลาย นอกจากนี้ ยังมี Agentic AI ที่สามารถคิด วิเคราะห์ และตัดสินใจแก้ไขปัญหา และจัดการงานที่ซับซ้อนเองได้ ทั้งนี้ กลุ่มผู้บริหารองค์กรและนักลงทุนมากกว่าร้อยละ 70 ให้ความมั่นใจว่า ระบบ AI Agents จะเป็นเทคโนโลยีสำคัญในองค์กรทั้งเชิงการคิด การผลิต การแก้ปัญหา งานบริการ เร็วต่อทุกความต้องการของตลาด และช่วยลดการใช้ทรัพยากรได้อย่างมีนัยสำคัญ
ประกอบกับการที่ประเทศไทยสามารถคว้าโอกาสในการลงทุน ‘ธุรกิจ Data Center’ มาได้ เนื่องจากความต้องการโครงสร้างพื้นฐานสำหรับใช้ในการประมวลผลข้อมูลมหาศาลเพื่อพัฒนา AI ทำให้บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่าง AWS, Microsoft และ Google รวมถึง TikTok ปักหมุดลงทุนสร้างศูนย์ Data Center ในไทย ทำให้ขนาด Data Center ของไทยเติบโตกว่า 54% ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา อีกทั้งศูนย์วิจัยกสิกรไทยยังคาดการณ์ไว้ว่าในปี 2024 - 2027 ประเทศไทยจะดึงดูดการลงทุนในส่วนนี้ได้ราว 7.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งจะต้องมีการเร่งพัฒนาบุคลากร และระบบนิเวศเพื่อเตรียมความพร้อมรองรับการเติบโตนี้
2. เทคโนโลยีเพื่อความยั่งยืน (GreenTech) เทคโนโลยีสะอาด (CleanTech) และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Tech) ในขณะเดียวกันเรื่องของสังคม สิ่งแวดล้อม และความยั่งยืนก็ยังคงเป็นประเด็นที่มีความสำคัญไม่ต่างกัน ทำให้สตาร์ทอัพในด้านเหล่านี้เป็นที่น่าจับตา ตลาดโลกคาดการณ์ธุรกิจนี้ไว้ว่าจะเติบโตเฉลี่ยถึง 25% ตลอด 10 ปีข้างหน้า ดังนั้นธุรกิจที่มาช่วยแก้ไขปัญหา นำเสนอทางออกในด้านสิ่งแวดล้อมอย่างพลังงานสะอาด การจัดการขยะ หรือผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่างๆ ก็จะได้รับความสนใจจากผู้บริโภคและนักลงทุน
📑 โดยสิ่งที่สตาร์ทอัพต้องเตรียมรับมือก็คือ นักลงทุนจะมีการเรียกขอข้อมูล ‘Non-Financial Data’ เพื่อประกอบการพิจารณาว่าธุรกิจมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเท่าไร มีการจัดการ Supplier อย่างไร และมีการสร้างขยะเกินจำเป็นหรือไม่ ดังนั้นสตาร์ทอัพจึงต้องศึกษาเรื่อง การดำเนินธุรกิจตามหลัก ESG อย่างจริงจัง ทั้งด้านสิ่งแวดล้อม (Environment) ความรับผิดชอบต่อสังคมสังคม (Social) และมีการกำกับดูแลกิจการที่ดีตามหลักธรรมาภิบาล (Governance) ไม่ว่าจะเป็นการคำนวณ Carbon Footprint การเตรียมความพร้อมในการรับมือกับมาตรการ Non-Tariff Barriers (NTBs) หรือการกีดกันทางการค้าที่มิใช่ภาษี เช่น ภาษีคาร์บอนและมาตรการต่อต้านการทำลายสิ่งแวดล้อม การใช้ฉลากอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม จะนำมาซึ่งความได้เปรียบทางการค้าขององค์กรด้านสิ่งแวดล้อม ที่เป็นจุดแข็งทั้งในประเทศและนานาชาติ ที่ต่างเห็นว่าภาวะโลกร้อนเป็นเรื่องเร่งด่วน และสามารถตรวจวัดเป็นตัวเลขได้ ซึ่งหากทำได้ก็จะเป็นทางเลือกในการขยายตลาดโดยเฉพาะในภูมิภาคยุโรปที่ให้ความสำคัญกับเรื่องของ Sustainability ตามเป้าหมายการเข้าสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2050 และเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ภายในปี 2065 ที่ประเทศไทยได้แสดงเจตนารมณ์เข้าร่วมด้วย
3. เทคโนโลยีทางการเงิน (FinTech) ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ธุรกิจ FinTech ได้พิสูจน์ให้เห็นว่า เป็นผู้นำในการดึงดูดการลงทุน และมีอัตราการระดมทุนในรอบ Seed สูงถึงร้อยละ 26 ซึ่งสูงที่สุดในปี 2024 ตามมาด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชนที่ร้อยละ 20 ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพและความน่าสนใจของเทคโนโลยีดังกล่าว ทั้งนี้ สิ่งหนึ่งที่สำคัญในยุคที่เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว คือ สตาร์ทอัพต้องมีความยืดหยุ่นตามสถานการณ์ ต้องสร้างระบบที่ปรับเปลี่ยนได้รวดเร็ว เสมือนการสร้างฐานรากที่แข็งแกร่งให้กับธุรกิจ ทำให้สตาร์ทอัพสามารถเติบโตและขยายธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง
ในปี 2025 NIA ยังคงมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมและสนับสนุนสตาร์ทอัพให้สามารถเติบโตได้อย่างก้าวกระโดดผ่านกลไกและเครือข่ายที่มีอยู่ ภายใต้บทบาทผู้กำหนดทิศทางนวัตกรรม หรือ Focal Conductor โดยเฉพาะในกลุ่ม Impact Tech เพื่อสร้าง “Impactful Innovation” นวัตกรรมที่สามารถสร้างผลกระทบที่ชัดเจนและยั่งยืนต่อเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่ “ชาตินวัตกรรม”
อ้างอิงข้อมูลจาก:
https://startupdirectory.techsauce.co/
https://techsauce.co/tech-and-biz/nia-startup-trends-2025
https://pmuc.or.th/thailandxsweden-ep3/
https://www.startupblink.com/startup-ecosystem/thailand
https://www.nia.or.th/Startup-Ecosystem-Stars-2024
https://www.thansettakij.com/technology/616370
https://techsauce.co/tech-and-biz/bigtech-investment-data-center-and-cloud-service-thailand
https://www.matichon.co.th/publicize/news_4665728