สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน)
การให้บริการของ NIA
ความเคลื่อนไหวของ NIA
ช่องทางในการติดต่อกับ NIA
Revolut สตาร์ทอัพม้ามืด ที่จะมาดิสรัปธนาคารในยุโรป
เพราะเราดีกว่าทุกธนาคาร! สโลแกนสุดปังนี้เป็นของ “Revolut” สตาร์ทอัพ FinTech สัญชาติอังกฤษ ผู้ให้บริการดิจิทัลแบงก์กิ้งครบวงจร ที่ถูกมองว่าเป็นหนึ่ง “ม้ามืด” ที่เขย่าแวดวงการเงินและธนาคารในยุโรปครั้งใหญ่
บริการชูโรงของ Revolut ได้แก่ “บัตรเครดิตชนิดพรีเพด” (Prepaid Debit Card) ซึ่งใช้ระบบเติมเงินเข้าบัญชีผ่านการโอนเงินจากธนาคารอื่นๆ ตัดผ่านบัตรเครดิต Apple Pay หรือ Google Pay คล้ายกับเครือข่ายมือถือชนิดเติมเงิน โดยความพิเศษของบัตรใบนี้ นอกจากจะรองรับการใช้งานได้ถึง 150 สกุลเงินทั่วโลกแล้ว ไม่ว่าจะนำไปรูดใช้จ่าย กดเงินสดจากตู้ หรือเอาไปสั่งสินค้าออนไลน์ต่างๆ ทาง Revolut จะแปลงค่าเงินในบัญชีให้อัตโนมัติ แถมยังให้เรทแลกเปลี่ยนที่ถูกกว่าธนาคารอื่นๆ และไม่ชาร์จค่าธรรมเนียมอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มทุกครั้งที่ใช้งาน
หากอยากสมัครใช้งาน ก็ไม่ต้องเสียเวลาตามหาเคาน์เตอร์บริการ เพราะสามารถกดสมัครได้เลยบนแอปพลิเคชัน เพียงกรอกข้อมูลและรออนุมัติภายใน 10 – 15 นาทีเท่านั้น ก่อนที่ Revolut จะส่งตัวบัตรจริงมาให้ถึงหน้าบ้าน ซึ่งผู้ใช้สามารถบริหารจัดการธุรกรรมออนไลน์ต่างๆ ได้ผ่านแอปพลิเคชันไม่ว่าจะเป็นการโอนรับเงินต่างธนาคาร ดูเรทแลกเปลี่ยนเงินแบบเรียลไทม์ ตรวจสอบบันทึกการใช้งานบัตร รวมถึงสั่งล็อกการใช้งานบัตรในกรณีทำบัตรหาย ฯลฯ
อีกหนึ่ง Premium Feature ที่ไม่ธรรมดาและเข้ากับยุค New Normal แบบสุดๆ ได้แก่ “บัตรเสมือนแบบใช้แล้วทิ้ง” (Disposable Virtual Card) โดยแอปฯ จะทำการสร้าง “บัตรเสมือน” ขึ้นมาหนึ่งใบ ที่มีหน้าตาคล้ายบัตร Revolut ที่ถืออยู่ แต่แตกต่างกันตรงเลขหน้าบัตร และเราสามารถนำตัวเลขใหม่นี้ไปใช้ในการซื้อของออนไลน์ได้ โดยหลังจากระบบพบว่ามีการทำธุรกรรมตัดเงินเรียบร้อยแล้ว ตัวแอปฯ จะทำลายบัตรเสมือนใบนั้นทิ้งทันที ช่วยให้การใช้จ่ายออนไลน์มีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ไม่ต้องกังวลว่าจะถูกโจรกรรมข้อมูลบัตรเดบิตหลัก ซึ่งฟีเจอร์ Virtual Card นี้ จะปลดล็อกให้กับผู้ใช้ที่สมัครสมาชิกพรีเมียม (Premium Subscription) ในราคาเริ่มต้นเพียง 6.99 ปอนด์/เดือน หรือประมาณ 270 บาท
นอกจากนี้ สมาชิกระดับพรีเมียม ยังสามารถนำเงินในบัตรไปลงทุนในตลาดหุ้น NYSE และ NASDAQ รวมถึงสามารถซื้อขายสกุลเงินคริปโตหลักๆ เช่น Bitcoin Ethereum หรือ Litecoin ได้โดยไม่ต้องเปิดบัญชีแยกออกมาใหม่ให้ยุ่งยาก ซึ่งโดยปกติแล้ว ไม่สามารถทำได้หากใช้บริการกับธนาคารตามท้องตลาดทั่วไป
ด้วยบริการที่สะดวกสบาย ปลอดภัย และยังครอบคลุมทุกความต้องการด้านธุรกรรมสำหรับคนยุคใหม่ขนาดนี้ ทำให้ Revolut สามารถครองใจผู้ใช้งานได้ถึง 10 ล้านบัญชี และก้าวขึ้นเป็นสตาร์ทอัพยูนิคอร์นได้ ในเวลาเพียง 3 ปี นับจากวันแรกที่เปิดใช้บริการ โดยปัจจุบัน Revolut ให้บริการบัญชีผู้ใช้งานกับพลเมืองสหราชอาณาจักร กลุ่มประเทศในแถบยุโรป สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย แคนาดา และสิงคโปร์ สำหรับประเทศไทยอาจต้องอดใจรอกันอีกสักนิด เพราะแว่วมาว่า Revolut เตรียมขยายความร่วมมือกับสถาบันการเงินในกลุ่มประเทศเอเชียแปซิฟิกในเร็วๆ นี้