สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน)
Search
color contrast
Normal
Black & White
Black & Yellow
font size

ฟินแลนด์ แชมป์ระบบการศึกษาดีที่สุดในโลก

บทความ 31 พฤษภาคม 2562 25,083

ฟินแลนด์ แชมป์ระบบการศึกษาดีที่สุดในโลก


ผลการจัดอันดับขององค์กรอิสระ NJ MED (New Jersey Minority Educational Development) ในไตรมาสแรก ของปี ค.ศ. 2019 พบว่าประเทศฟินแลนด์เป็นประเทศที่มีระบบการศึกษาดีที่สุดในโลก ด้วยสถิติประชากรที่อ่านหนังสือไม่ออก 0% และประชากรส่วนใหญ่พูดได้มากกว่า 1 ภาษา สอดคล้องกับข้อมูลจากโครงการประเมินผลนักเรียนร่วมกับนานาชาติหรือ PISA (Programme for International Student Assessment) ที่ระบุว่าเด็กนักเรียนในฟินแลนด์มีผลการเรียนคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และการอ่านโดยเฉลี่ยดีกว่าเด็กจากประเทศที่พัฒนาแล้วในกลุ่มองค์การเพื่อความร่วมมือและการ พัฒนาทางเศรษฐกิจหรือ OECD (Organisation for Economic Co-operation and Development)


เบื้องหลังความสำเร็จที่ออกมาในรูปแบบสถิติข้างต้นนี้ คือ การปฏิรูปการศึกษากว่า 30 ปีที่มุ่งเน้นไปที่การพัฒนารากฐานของประเทศ นั่นคือทรัพยากรมนุษย์ ระบบการศึกษาของฟินแลนด์เรียกได้ว่าเป็นการศึกษาที่แทบจะสวนทางกับประเทศอื่น ๆ เลยทีเดียว ทั้งการกำหนดอายุเริ่มต้นการศึกษาของเด็กที่อายุ 7 ปี การลดชั่วโมงเรียน การขยับเวลา เริ่มเรียนมาเป็นช่วงสาย หรือแม้กระทั่งการยกเลิกการสอบประเมินผล สิ่งเหล่านี้ทำให้คนส่วนใหญ่ตั้งคำถามว่า เพราะอะไรระบบการศึกษาเช่นนี้จึงทำให้นักเรียนมีผลการเรียนเฉลี่ยที่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ

 ปัจจัยสำคัญแห่งความสำเร็จ


ปัจจัยแรก คือ สังคมที่มีความเสมอภาคและเท่าเทียมซึ่งเอื้อต่อความก้าวหน้าของชีวิต จากการศึกษาพบว่าเด็ก นักเรียนจะมีผลการเรียนที่ดีในสังคมที่มีความเสมอภาคและเท่าเทียมกัน ฟินแลนด์สร้างสังคมที่มีความเท่าเทียมนี้ด้วยโครงสร้างพื้นฐานของสวัสดิการรัฐที่ทำให้เด็กทุกคนเท่าเทียมกันเมื่อเริ่มต้นเส้นทางการศึกษาตั้งแต่ 7 ขวบ เมื่อเริ่มชั้นเรียนในห้องเรียนจะผสมผสานเด็กที่มีที่มาต่างกัน ไม่ว่าจะด้านฐานะหรือพื้นฐานความรู้ความสามารถ ทำให้เด็กอยู่ร่วมกันได้บนพื้นฐานของความเข้าใจและเคารพในความแตกต่าง เด็กทุกคนจะมีสิทธิ์เข้าถึงการศึกษาอย่างเท่าเทียมกัน โดยรัฐฯจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทางการศึกษา ค่าอาหารกลางวัน ค่านวัตกรรมและค่าดูแลสุขภาพ รวมทั้งจะมีนักจิตวิทยาและครูที่จะคอยส่งเสริมด้านพัฒนาการอีกด้วย


ความเท่าเทียมในสังคมยังหมายความรวมถึงการเป็นมาตรฐานเดียวกันของทุกโรงเรียนในประเทศฟินแลนด์ จะไม่มีการจัดลำดับโรงเรียน เด็ก ๆ ไม่จำเป็นต้องเดินทางไกลเพื่อไปเรียนโรงเรียนที่ดีที่สุดสำหรับตัวเองเพราะทุกโรงเรียนเป็นโรงเรียนที่ดีที่สุด เด็กสามารถเลือกเรียนใกล้บ้านได้เพื่อลดเวลาเดินทางลงและมีเวลาเรียนรู้นอกห้องเรียนเพิ่มมากขึ้น

 โรงเรียนเป็นความสุขของเด็ก ๆ


ปัจจัยต่อมา คือ การทำให้โรงเรียนเป็นความสุขของเด็ก ๆ โดยเด็กจะได้เรียนรู้อย่างผ่อนคลาย สนุกสนาน และได้รู้จักตัวเอง ในโรงเรียนจะไม่มีการสอบประเมินผลในช่วง 5 ปีแรก เพราะการสอบทำให้เด็กไม่สามารถใช้ความคิดได้อย่างอิสระ และสิ่งสำคัญของการเรียนไม่ใช่การสอบผ่าน แต่เป็นการพัฒนาความสงสัยใคร่รู้โดยธรรมชาติของเด็ก ฟินแลนด์กำหนดเวลาเริ่มเรียนที่ 9 โมงเช้า เพื่อให้เด็กอยู่ในสภาวะที่พร้อมต่อการเรียนรู้ โดยเด็กทุกคนจะมีเวลาพัก 15 นาทีทุก ๆ 45 นาทีเพื่อให้เด็กได้ผ่อนคลายและจะเลิกเรียนไม่เกินบ่าย 3 โมงจากข้อมูลของ OECD พบว่าเด็กนักเรียนในฟินแลนด์มีการบ้านหรืองานที่ได้รับมอบหมายจากโรงเรียนน้อยที่สุดในโลกและไม่มีการเรียนเสริมนอกห้องเรียน นอกจากนั้นฟินแลนด์ยังยอมรับเด็กที่เรียนต่อสายสามัญและสายอาชีพอย่างเท่าเทียมกันอีกด้วยทำให้เด็กกล้าเป็นตัวเอง และกล้าเลือกเรียนในด้านที่สนใจอย่างเต็มที่ สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ล้วนมีส่วนช่วยสร้างบรรยากาศให้เด็กเรียนรู้ได้อย่างมีความสุข สนกุสนาน และไร้ซึ่งความกดดัน


ปัจจัยสำคัญที่ทำให้โรงเรียนกลายเป็นความสุขของเด็ก ๆ ได้ คือ ครูผู้สอนที่มีประสิทธิภาพ อาชีพครูที่ฟินแลนด์ เป็นอาชีพที่มีค่าตอบแทนสูงและเป็นอาชีพในฝันของคนจำนวนมาก ครูทุกคนต้องจบการศึกษาระดับปริญญาโทและต้องผ่านการคัดเลือกที่เคร่งครัด ครูจะต้องดูแลเด็กบนพื้นฐานที่ว่า “เด็กทุกคนมีศักยภาพในการเรียนรู้หากได้รับการสนับสนุนและโอกาส” และเพื่อให้สอดคล้องกับการเสริมสร้างสังคมที่เท่าเทียมกันตั้งแต่ในระดับห้องเรียน ครูที่ฟินแลนด์จะต้องเข้าใจความแตกต่าง มีความรู้ด้านจิตวิทยาเด็กและสามารถรับมือกับห้องเรียนที่มีความหลากหลายได้ 

ความสำเร็จจากความร่วมมือจากทุกฝ่าย


การปฏิรูปทางการศึกษาของฟินแลนด์จะไม่สำเร็จและเห็นผลอย่างเป็นรูปธรรมเช่นนี้หากขาดปัจจัยที่สำคัญอีก ประการนั่นคือความร่วมมือจากทุกฝ่าย สิ่งที่ทำให้แต่ละภาคส่วนนำระบบนี้ไปปรับใช้อย่างจริงจัง คือ ความรู้สึกมีส่วนร่วม หลายประเทศล้มเหลวในการพยายามปฏิรูปการศึกษา เพราะใช้การบังคับใช้ระบบแบบการส่งให้ทำ ซึ่งจะทำให้เกิด การตั้งค่าถามโต้แย้งมากกว่าการปฏิบัติตาม แต่ฟินแลนด์ใช้การสร้างความรู้สึกมีส่วนร่วมให้คนในประเทศผ่านการสอบถามความคิดเห็นก่อนนำระบบมาปรับใช้ วิธีนี้จะทำให้ผู้ตอบคำถามเกิดความรู้สึกในทางบวกพร้อมเปิดใจ นำไปสู่การนำไปปรับใช้และเกิดการเปลี่ยนแปลงในที่สุด


อีกปัจจัยที่ทำให้ฟินแลนด์ปฏิรูปการศึกษาได้สำเร็จ คือ การเชื่อใจและไว้วางใจคนในประเทศ อาจฟังดูเป็นนามธรรมและจับต้องไม่ได้ แต่ที่ฟินแลนด์ภาครัฐจะมั่นใจว่าครูจะทำงานตามมาตรฐานและบรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้ ครอบครัวของนักเรียนจะเชื่อใจว่าครูจะทำหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพและในขณะเดียวกันครูก็จะเชื่อมั่นในการพัฒนาระบบการศึกษาของภาครัฐและวางใจว่าครอบครัวจะเป็นสถาบันที่ดีในการส่งเสริมให้เด็กมีคุณภาพชีวิตที่ดี สิ่งเหล่านี้เกิดจากความตระหนักรู้ในหน้าที่และความรับผิดชอบของตนเอง และกลายมาเป็นความเชื่อมั่นต่อคนในประเทศว่าจะทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุดเช่นกัน 

 ความสำเร็จของการปฏิรูปการศึกษา


ปัจจัยเหล่านี้เป็นกลไกที่คอยขับเคลื่อนวงล้อแห่งการพัฒนาประเทศ  ความสำเร็จของการปฏิรูปการศึกษากว่า 30 ปีของฟินแลนด์ไม่ใช่ตัวเลขคะแนนสอบหรือเกรดของนักเรียน แต่เป็นการเติบโตทางเศรษฐกิจ สิทธิและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของประชากร ซึ่งตัวชี้วัดเหล่านี้ชี้ให้เห็นแล้วว่าฟินแลนด์ก้าวหน้าอย่างมากและกลายเป็นต้นแบบด้านการเรียนการสอน รวมทั้งสร้างความตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนารากฐานของประเทศอย่างประชาชนให้กับหลาย ๆ ประเทศได้เช่นกัน

.

แหล่งอ้างอิง

https://www.bbc.com/thai/features-45698818 

https://thestandard.co/finland-education-lessons-learned/

https://bigthink.com/mike-colagrossi/no-standardized-tests-no-private-schools-no-stress-10-reasons-whyfinlands-education-system-in-the-best-in-the-world

https://worldtop20.org/worldbesteducationsystem

https://worldtop20.org/finland

https://teen.mthai.com/education/108419.html