ภายใต้การหลั่งไหลของเม็ดเงินจากการเป็นพ่อค้าน้ำมันรายใหญ่ของโลก “สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือที่รู้จักกันในชื่อย่อว่ายูเออี (UAE)” ประเทศผืนทะเลทรายแห่งนี้ยังมองไปไกลถึงอนาคต เริ่มแผนปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจก่อนที่น้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติจะหมดลง

แม้ยูเออีประเทศที่เต็มไปด้วยตึกสูงระฟ้าเต็มบ้านเต็มเมือง ที่มีทรัพยากรหลักเป็นน้ำมันปิโตเลียมและก๊าซธรรมชาติ มีปริมาณน้ำมันดิบขับเคลื่อน สร้างความร่ำรวยให้ยูเออีด้วยธุรกิจพลังงานเป็นรายได้หลักของประเทศ แต่ขณะเดียวกันก็สามารถสร้างเม็ดเงินจากธุรกิจภาคอื่นๆ ได้เป็นกอบเป็นกำ ผ่านแผนนโยบายสนับสนุนผู้ประกอบการและสตาร์ทอัพ โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจขนาดเล็กอย่าง SMEs ที่ถูกผลักดันและส่งเสริมขึ้นมาเป็นอันดับต้นๆ ทำให้ปัจจุบัน 1 ใน 10 ของคนในประเทศลุกขึ้นมาประกอบอาชีพเป็นผู้ประกอบการ จนสามารถสร้างรายได้เข้าประเทศจากนักลงทุนต่างชาติได้ถึง 20% ซึ่งคาดการณ์ว่าเป้าหมายที่ต้องการเป็น The Entrepreneurial Nation และติด 1 ใน 3 Global Entrepreneurship Index ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์นั้น คงจะสำเร็จได้ในอีกไม่นาน

วันนี้เราจะพาทุกคนไปเจาะลึกถึงแผนปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศนี้กันว่าประกอบไปด้วยอะไรบ้าง โดยเริ่มจากปัจจัยสำคัญหลักอย่าง ‘คน’ กันก่อน เพื่อที่ต้องการปลูกฝังความคิดของการเป็นผู้ประกอบการ กระทรวงเศรษฐกิจของ UAE จึงได้ก่อตั้ง SkillUp Academy สถาบันบ่มเพาะด้านธุรกิจสำหรับนักศึกษาและสตาร์ทอัพ มีการจัดให้แข่งขันผ่านสนามจริง เช่น Bootcamp, K-12 หรือ BIZworld พร้อมพาผู้ชนะเข้าไปเยี่ยมชมการทำงานของบริษัทชั้นนำระดับโลกใน Silicon Valley อย่าง Google หรือ Draper University จนทำให้ภาคการศึกษาของยูเออีประสบความสำเร็จเป็นอันดับหนึ่งจากการจัดอันดับดัชนีนวัตกรรม (GII) ที่มีจำนวนนักศึกษาต่างชาติที่เข้ามาศึกษาในประเทศ (Tertiary Inbound Mobility) เข้ามาเรียนมากที่สุด เป็นผลลัพธ์ให้เกิดการดึงดูดคนรุ่นใหม่เข้ามาสร้างการพัฒนาให้กับประเทศ ทำให้ยูเออีเป็นประเทศที่มีความโดดเด่นในการพัฒนาทุนมนุษย์และการวิจัยอยู่อันดับที่ 17 ของโลกจากการจัดอันดับดัชนีนวัตกรรมโลกในปี 2022

ต่อมาภาครัฐยังได้เดินหน้า ‘สร้างเขตปลอดภาษี’ จนเกิดเป็นพื้นที่ที่เอื้อต่อประโยชน์ให้กับธุรกิจขนาดเล็กเพื่อช่วย ‘ลดต้นทุน’ ควบคู่ไปกับ ‘การสนับสนุนผ่านกองทุน’ ต่างๆ เช่น กองทุนเปิด Mohammed bin Rashid Innovation Fund สำหรับส่งเสริมธุรกิจจากความคิดสร้างสรรค์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม นอกจากนี้ยังได้สร้างแพลตฟอร์ม Scale Up สำหรับธุรกิจที่มีศักยภาพ โดยเปิดพื้นที่ให้สามารถจำหน่ายสินค้าและบริการ เพื่อช่วยกระตุ้นการเติบโตของตลาด SME จากความร่วมมือระหว่างรัฐบาลและภาคเอกชน

นอกจากเงินทุนในประเทศยูเออียังเล็งเห็นถึงความสำคัญของตลาดโลก จึงได้ปรับแก้ข้อกฎหมายและมาตรการเพื่อ ‘ส่งเสริมการลงทุน’ โดยให้สิทธิ์ต่างชาติในการถือหุ้นบริษัทที่จัดตั้งได้แบบ 100% โดยไม่จำเป็นต้องมีหุ้นส่วนเป็นคนในประเทศ รวมไปถึงการออก Golden Visa เพื่ออำนวยความสะดวกในการเข้าอยู่อาศัย เพื่อช่วยดึงดูดให้นักลงทุนและแรงงานทักษะขั้นสูงเข้ามาเติมเต็มขีดความสามารถ เกิดเป็นการจ้างงาน สร้างระบบนิเวศที่มีประสิทธิภาพทางธุรกิจในระดับสากล

ด้วยพื้นฐานการเป็นชนชาติแห่งการค้าขาย ประกอบกับการสนับสนุนอย่างจริงจังโดยภาครัฐ ผ่านระบบการศึกษา การเปิดทางให้ผู้ประกอบการได้เข้าถึงแหล่งเงินทุนที่มีศักยภาพ และปรับปรุงข้อจำกัดทางกฎหมาย จึงไม่แปลกเลยที่ยูเออีจะมีสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ (Business Environment) ดีเป็นอันดับหนึ่งของโลก โดยเฉพาะในเรื่องนโยบายและวัฒนธรรมความเป็นผู้ประกอบการ (Entrepreneurships Policies and Culture) ที่ช่วยการันตีได้ว่า ยูเออีมีนโยบายความพร้อมในการสนับสนุนผู้ประกอบการ สร้างสภาพแวดล้อมที่เปี่ยมศักยภาพเหมาะแก่การแสวงหาช่องทางเริ่มทำธุรกิจ ซึ่งในที่สุดสิ่งนี้จะช่วยขยายฐานทางเศรษฐกิจ ให้สามารถกระจายออกไปได้ทั่วทั้งประเทศ

เวลานี้ ไม่ว่าจะเป็นหมุดหมายสร้างยูนิคอร์นขึ้นมา 10 ราย หรือการเปลี่ยนไปเป็นชาติแห่งผู้ประกอบการ (The Entrepreneurial Nation) คงไม่ใช่สิ่งที่ไกลเกินฝันเท่าไรสำหรับ “สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์” ซึ่งต้องการพลิกโฉมตัวเองมาเป็นแหล่งสร้างนวัตกรรม และผลิตผู้ประกอบการที่มีพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจชั้นนําของโลก 

อ้างอิงข้อมูลจาก :
https://www.moec.gov.ae/en/home 
https://brandinside.asia/dubai-emerati-entrepreneurship/ 
https://www.wipo.int/edocs/pubdocs/en/wipo_pub_2000_2022/ae.pdf 
https://oldweb.ditp.go.th/contents_attach/775751/775751.pdf 
https://dubai.thaiembassy.org/th/content/85519-ศูนย์บริการธุรกิจ  
https://www.masterdegreethai.com/institutions/uaeu-united-arab-emirates-university