สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน)
Search
color contrast
Normal
Black & White
Black & Yellow
font size

ย้อนรอยวิถีเด็กเนิร์ด “San Diego Comic-Con” งานการ์ตูนที่มอบความฝันให้กับคนทั่วโลก

20 กันยายน 2565 2,247

ย้อนรอยวิถีเด็กเนิร์ด “San Diego Comic-Con” งานการ์ตูนที่มอบความฝันให้กับคนทั่วโลก



ทะลุมัลติเวิร์ส! “San Diego Comic-Con” เยือนถิ่นกำเนิดซุปเปอร์ฮีโร่ จักรวาลภาพยนตร์และการ์ตูนที่อยู่ในใจหลายคน

ถ้าซิลิคอนวัลเลย์คือศูนย์กลางเทคโนโลยีที่สำคัญของโลก งานมหกรรม “San Diego Comic-Con” ก็เปรียบเหมือนศูนย์กลางป๊อปคัลเจอร์ของโลกที่ขาดไปไม่ได้เช่นกัน เพราะที่นี่ถือเป็นจุดกำเนิดจักรวาลภาพยนตร์และการ์ตูนที่มีชื่อเสียงอยู่มากมายไม่ว่าจะเป็น Marvel, DC, Star Wars, The Walking Dead, Avatar ฯลฯ ทำให้ใครที่เป็นแฟนคลับของผลงานเหล่านี้ ต่างเฝ้ารอคอยข่าวคราวความเคลื่อนไหวของงานนี้ในทุกปี ไม่ต่างอะไรกับเวลาที่ Apple ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ในทุกครั้ง

อย่างในปี 2022 ที่เพิ่งผ่านมาไม่นานนี้ Marvel สตูดิโอผู้สร้างซุปเปอร์ฮีโร่ชื่อดังก็ได้เผยรายชื่อภาพยนตร์และซีรีส์ในมัลติเวิร์สใหม่ “The Multiverse Saga” ในงานนี้ด้วย แต่ทุกคนเคยสงสัยกันไหมว่างานนี้เกิดขึ้นมาได้อย่างไร และอะไรเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ San Diego Comic-Con กลายเป็นงานสำคัญในโลกฮอลลีวูด ซึ่งกำลังทำหน้าที่มอบความฝันให้กับคนทั้งโลกในขณะนี้

งานสร้างแรงบันดาลใจ! “Detroit Triple Fan Fair” จุดเริ่มต้นจากคนเนิร์ดนิยายไซไฟ ภาพยนตร์ และการ์ตูน

แม้งานนี้จะลงหลักปักฐานอยู่ที่เมืองซานดิเอโก้ (San Diego) มาโดยตลอด แต่จุดเริ่มต้นของงานนี้จริงๆ แล้วมีอิทธิพลมาจากงานหนังสือที่ชื่อว่า “Detroit Triple Fan Fair” ในเมืองดีทรอยต์ (Detroit) ซึ่งเป็นเมืองหนึ่งในรัฐมิชิแกน (Michigan) ประเทศสหรัฐอเมริกา งานนี้นับเป็นงานแรกในประเทศสหรัฐอเมริกา ที่มีการนำนิยายไซไฟ ภาพยนตร์ และการ์ตูน มาไว้ในงานเดียวกัน รวมถึงมีการประกวดแต่งคอสเพลย์ในงานอีกด้วย ทำให้สามารถดึงดูดเหล่าเนิร์ดการ์ตูน แฟนภาพยนตร์และนิยายไซไฟจากทั่วทุกสารทิศให้มารวมกันที่นี่ ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1965 - 1977 หรือตลอด 12 ปีในเมืองนี้

แต่จุดเปลี่ยนมันอยู่ตรงที่ “เชล ดอร์ฟ (Shel Dorf)” นักวาดการ์ตูนอิสระซึ่งเป็นแฟนคลับตัวยงของงานนี้ เขาผลักดันตัวเองจนได้มีโอกาสเข้ามาเป็นผู้จัดงานและผู้ออกแบบโลโก้ให้กับ Detroit Triple Fan Fair ในช่วงปี ค.ศ. 1968 การได้ขยับจากการเป็นแค่แฟนคลับธรรมดาๆ มาสู่การเป็นหนึ่งในสมาชิกคนสำคัญของงานนี้ สำหรับเขาแล้วมันคือความภาคภูมิใจอย่างมาก แต่ด้วยชะตาชีวิตทำให้ เชล ดอร์ฟ (Shel Dorf) ต้องย้ายจากเมืองดีทรอยต์จุดกำเนิดของงานนี้ไปอยู่ที่เมืองซานดิเอโก้ (San Diego)

ด้วยใจที่รักการ์ตูนอย่างเต็มเปี่ยม เขาจึงต้องหารือกับเพื่อนๆ ได้แก่ ริชาร์ด อัลฟ์ (Richard Alf), เคน ครูเกอร์ (Ken Krueger), รอน กราฟ (Ron Graf) และ ไมค์ โทว์รี (Mike Towry) เพื่อจัดงานขึ้นมาใหม่อีกครั้ง จนเกิดเป็นงานที่ชื่อว่า Golden State Comic-Con ขึ้นมาในปี ค.ศ. 1970  (ในภายหลังเปลี่ยนชื่อมาเป็น San Diego Comic-Con) จากนั้นงานก็เติบโตขึ้นเรื่อยๆ ในทุกปี จนนักเขียนการ์ตูน Marvel ชื่อดังอย่างแจ็ค เคอร์บี้ (Jack Kirby) ผู้เป็นเจ้าของผลงาน X-men, Hulk, Fantastic Four ฯลฯ เข้ามาร่วมที่งานนี้ด้วย ยิ่งทำให้งานประสบความสำเร็จมากกว่าเดิม

ปลุกกระแส “Star Wars & MARVEL & DC Era!” ยุคเฟื่องฟูของงาน San Diego Comic-Con

หนึ่งในปรากฏการณ์ครั้งสำคัญของงาน San Diego Comic-Con คือในช่วงปี ค.ศ. 1976 ได้มีการฉายตัวอย่างภาพยนตร์เรื่องหนึ่งซึ่งเรียกเสียงฮือฮาจากผู้ชมได้เป็นจำนวนมาก เรื่องนั้นก็คือ “Star Wars” ซึ่งถูกสร้างขึ้นโดยจอร์จ ลูคัส (George Lucas) ที่กลายเป็นตำนานให้กับงานนี้ไปโดยปริยาย หลังจากนั้นหนึ่งปีก็ถูกฉายในจอภาพยนตร์ทั่วโลก สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ จนทำให้งาน San Diego Comic-Con กลายเป็นที่น่าจับตาและเป็นชื่อที่ใครๆ ก็ต้องรู้จัก

หลังจากนั้นเป็นต้นมาก็ได้กลายเป็นธรรมเนียมที่ทุกค่ายทำสืบต่อกันมา อย่าง Marvel ก็ได้ฉายตัวอย่างภาพยนตร์เรื่องแรกในจักรวาล Marvel Cinematic Universe ในงานนี้ ซึ่งก็คือเรื่อง “Iron Man” ในปี ค.ศ. 2008 การเปิดจักรวาลครั้งนี้ของ Marvel ก็ประสบความสำเร็จเช่นเดียวกัน จนทำให้เกิดภาพยนตร์และซีรีส์ตามมาอีกหลายเรื่อง ในฝั่ง DC ก็ไม่น้อยหน้า ได้เข็นตัวอย่างและรายชื่อภาพยนตร์ที่จะทำต่อกันมาอีกเป็นขบวน พูดได้อย่างเต็มปากว่าสื่อกระแสหลักอย่างภาพยนตร์ช่วยทำให้ระบบนิเวศของงาน San Diego Comic-Con เติบโตขึ้นอย่างเป็นทวีคูณ

จากงานครั้งแรกที่มีคนแค่หลักร้อย ตอนนี้มีคนเข้าร่วมงานถึงหลักหมื่นไปจนถึงหลักแสนคนแล้ว ทำให้งานนี้ไม่ได้เป็นแค่งานสำหรับผู้สร้างเท่านั้น แต่ยังเป็นงานที่เปิดให้แฟนคลับได้ใกล้ชิดกับผู้สร้างตัวเป็นๆ แถมยังมีพิพิธภัณฑ์และศูนย์ข้อมูลที่สำคัญในวงการการ์ตูนและฮอลลีวูดให้ได้เยี่ยมชมอีกด้วย ด้วยความสำเร็จเช่นนี้ ทำให้ San Diego Comic-Con กลายเป็นงานต้นแบบให้กับประเทศอื่นๆ ได้จัดตามกันมา ไม่ว่าจะเป็น Comiket ในประเทศญี่ปุ่น หรือ Komacon ในประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นประเทศที่มีความเข้มแข็งในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์เช่นกัน

“ธุรกิจสตรีมมิ่งคอนเทนต์” ความสำเร็จในความท้าทายยุคดิจิทัล เสริม Comic-Con ให้กลายเป็นงานที่ทุกคนใฝ่ฝัน

อย่างที่เราทราบกันดีว่า ปัจจุบันเทรนด์ธุรกิจสตรีมมิ่งคอนเทนต์กำลังได้รับความนิยมอย่างสูง และได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันไปแล้ว ส่งผลให้เกิดสมรภูมิธุรกิจสตรีมมิ่งที่ต้องแข่งขันกันอย่างดุเดือด ระหว่าง Netflix, Disney+, Amazon Prime, HBO, Hulu และอีกหลายแพลตฟอร์ม ทำให้ทุกรายต้องงัดไม้เด็ดออกมาสู้กันด้วยหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของราคาค่าสมาชิก การโฆษณาและการตลาด ไปจนถึงการทำ Original Content ในแพลตฟอร์มของตัวเอง

โดยหนึ่งในผู้เล่นที่น่าจับตาก็คือ “Disney+” เพราะเป็นไม่กี่รายที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากรายงานของ CNBC ในไตรมาสที่ 2 ของปี ค.ศ. 2022 นี้ Disney+ มียอดจำนวนผู้สมัครสมาชิกสูงถึง 137.7 ล้านคนทั่วโลก ซึ่งเกินความคาดหมายของบริษัทที่ตั้งเป้าไว้ที่ประมาณ 135 ล้านคน สวนทางกับ Netflix ที่เป็นเจ้าตลาดแต่กลับมีผู้ใช้งานลดน้อยลงเรื่อยๆ สื่อหลายสำนักก็วิเคราะห์กันว่า เพราะความโดดเด่นของคอนเทนต์ที่มีฐานความนิยมมาจาก Comic หลายๆ เรื่อง ไม่ว่าจะเป็น Star Wars, Marvel หรือ แอนิเมชันในเครือ Disney รวมกับราคาค่าสมาชิกที่เป็นมิตรทำให้ได้ใจผู้บริโภคไปเต็มๆ

ความสำเร็จในแง่รายได้ของ Disney+ ไม่ได้สะท้อนแค่การเติบโตของบริษัท แต่ยังช่วยเสริมให้งาน San Diego Comic-Con กลายเป็นไอคอนของวงการภาพยนตร์และการ์ตูนของโลก ถึงขนาดที่ว่ามีฉากในมินิซีรีส์เรื่อง Ms. Marvel ที่ถูกฉายในแอปฯ Disney+ ได้มีการสร้าง Marvel Comic-Con เพื่อเลียนแบบงานจริงๆ อีกด้วย ยิ่งสะท้อนว่างานนี้มีความสำคัญและเป็นงานที่ทุกคนใฝ่ฝัน โดยในปี 2022 ที่เพิ่งผ่านมานี้ มียอดผู้เข้าชมงานกว่า 135,000 คน และส่งผลไปถึงเศรษฐกิจโดยรวมของเมืองซานดิเอโก้ (San Diego) ที่สามารถสร้างมูลค่ามากถึง 165 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ ราวๆ 6 พันล้านบาทเลยทีเดียว

ทั้งหมดนี้กำลังสะท้อนให้เห็นว่า ความสำเร็จของอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ไม่ได้เป็นสิ่งที่ได้มาเพียงชั่วข้ามคืน แต่ต้องอาศัยพื้นที่ในการแสดงออก การส่งเสริมซึ่งกันและกันจากหลายภาคส่วน มีการปรับตัวให้ทันยุคทันสมัยอยู่เสมอ และเข้าใจจุดแข็งและกลุ่มเป้าหมายอย่างลึกซึ้ง ถึงจะสามารถครองใจผู้ชมได้มาจนถึงทุกวันนี้


อ้างอิงภาพจาก :
latimes.com, starwars.com , apnews.com , ew.com

ข้อมูลอ้างอิงจาก :
https://www.comic-con.org/about
https://en.wikipedia.org/wiki/San_Diego_Comic-Con
https://www.ucf.edu/online/hospitality/news/comic-conventions-their-popularity-and-impact/
https://www.marvel.com/articles/movies/sdcc-2022-all-of-the-marvel-studios-news-coming-out-of-hall-h-at-san-diego-comic-con
https://www.starwars.com/news/the-ties-that-bind-why-comic-con-and-lucasfilm-are-soul-mates
https://9to5mac.com/2022/05/11/disney-beats-subscriber-estimates-in-q2-2022-while-netflix-struggles/
https://newscenter.sdsu.edu/sdsu_newscenter/news_story.aspx?sid=78821
https://www.beartai.com/lifestyle/1120451