สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน)
Search
color contrast
Normal
Black & White
Black & Yellow
font size

Revolut สตาร์ทอัพม้ามืด ที่จะมาดิสรัปธนาคารในยุโรป

บทความ 18 มิถุนายน 2563 13,071

Revolut สตาร์ทอัพม้ามืด ที่จะมาดิสรัปธนาคารในยุโรป


เพราะเราดีกว่าทุกธนาคาร! สโลแกนสุดปังนี้เป็นของ “Revolut” สตาร์ทอัพ FinTech สัญชาติอังกฤษ ผู้ให้บริการดิจิทัลแบงก์กิ้งครบวงจร ที่ถูกมองว่าเป็นหนึ่ง “ม้ามืด” ที่เขย่าแวดวงการเงินและธนาคารในยุโรปครั้งใหญ่


บริการชูโรงของ Revolut ได้แก่ “บัตรเครดิตชนิดพรีเพด” (Prepaid Debit Card) ซึ่งใช้ระบบเติมเงินเข้าบัญชีผ่านการโอนเงินจากธนาคารอื่นๆ ตัดผ่านบัตรเครดิต Apple Pay หรือ Google Pay คล้ายกับเครือข่ายมือถือชนิดเติมเงิน โดยความพิเศษของบัตรใบนี้ นอกจากจะรองรับการใช้งานได้ถึง 150 สกุลเงินทั่วโลกแล้ว ไม่ว่าจะนำไปรูดใช้จ่าย กดเงินสดจากตู้ หรือเอาไปสั่งสินค้าออนไลน์ต่างๆ ทาง Revolut จะแปลงค่าเงินในบัญชีให้อัตโนมัติ แถมยังให้เรทแลกเปลี่ยนที่ถูกกว่าธนาคารอื่นๆ และไม่ชาร์จค่าธรรมเนียมอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มทุกครั้งที่ใช้งาน


หากอยากสมัครใช้งาน ก็ไม่ต้องเสียเวลาตามหาเคาน์เตอร์บริการ เพราะสามารถกดสมัครได้เลยบนแอปพลิเคชัน เพียงกรอกข้อมูลและรออนุมัติภายใน 10 – 15 นาทีเท่านั้น ก่อนที่ Revolut จะส่งตัวบัตรจริงมาให้ถึงหน้าบ้าน ซึ่งผู้ใช้สามารถบริหารจัดการธุรกรรมออนไลน์ต่างๆ ได้ผ่านแอปพลิเคชันไม่ว่าจะเป็นการโอนรับเงินต่างธนาคาร ดูเรทแลกเปลี่ยนเงินแบบเรียลไทม์ ตรวจสอบบันทึกการใช้งานบัตร รวมถึงสั่งล็อกการใช้งานบัตรในกรณีทำบัตรหาย ฯลฯ 


อีกหนึ่ง Premium Feature ที่ไม่ธรรมดาและเข้ากับยุค New Normal แบบสุดๆ ได้แก่ “บัตรเสมือนแบบใช้แล้วทิ้ง” (Disposable Virtual Card) โดยแอปฯ จะทำการสร้าง “บัตรเสมือน” ขึ้นมาหนึ่งใบ ที่มีหน้าตาคล้ายบัตร Revolut ที่ถืออยู่ แต่แตกต่างกันตรงเลขหน้าบัตร และเราสามารถนำตัวเลขใหม่นี้ไปใช้ในการซื้อของออนไลน์ได้ โดยหลังจากระบบพบว่ามีการทำธุรกรรมตัดเงินเรียบร้อยแล้ว ตัวแอปฯ จะทำลายบัตรเสมือนใบนั้นทิ้งทันที ช่วยให้การใช้จ่ายออนไลน์มีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ไม่ต้องกังวลว่าจะถูกโจรกรรมข้อมูลบัตรเดบิตหลัก ซึ่งฟีเจอร์ Virtual Card นี้ จะปลดล็อกให้กับผู้ใช้ที่สมัครสมาชิกพรีเมียม (Premium Subscription) ในราคาเริ่มต้นเพียง 6.99 ปอนด์/เดือน หรือประมาณ 270 บาท


นอกจากนี้ สมาชิกระดับพรีเมียม ยังสามารถนำเงินในบัตรไปลงทุนในตลาดหุ้น NYSE และ NASDAQ รวมถึงสามารถซื้อขายสกุลเงินคริปโตหลักๆ เช่น Bitcoin Ethereum หรือ Litecoin ได้โดยไม่ต้องเปิดบัญชีแยกออกมาใหม่ให้ยุ่งยาก ซึ่งโดยปกติแล้ว ไม่สามารถทำได้หากใช้บริการกับธนาคารตามท้องตลาดทั่วไป


ด้วยบริการที่สะดวกสบาย ปลอดภัย และยังครอบคลุมทุกความต้องการด้านธุรกรรมสำหรับคนยุคใหม่ขนาดนี้ ทำให้ Revolut สามารถครองใจผู้ใช้งานได้ถึง 10 ล้านบัญชี และก้าวขึ้นเป็นสตาร์ทอัพยูนิคอร์นได้ ในเวลาเพียง 3 ปี นับจากวันแรกที่เปิดใช้บริการ โดยปัจจุบัน Revolut ให้บริการบัญชีผู้ใช้งานกับพลเมืองสหราชอาณาจักร กลุ่มประเทศในแถบยุโรป สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย แคนาดา และสิงคโปร์ สำหรับประเทศไทยอาจต้องอดใจรอกันอีกสักนิด เพราะแว่วมาว่า Revolut เตรียมขยายความร่วมมือกับสถาบันการเงินในกลุ่มประเทศเอเชียแปซิฟิกในเร็วๆ นี้