สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน)
การให้บริการของ NIA
ความเคลื่อนไหวของ NIA
ช่องทางในการติดต่อกับ NIA
เอ๊ะ! นี่มันหน้าร้อน หรือมันโลกร้อน ถึงเวลาต้อง "ลงทุนกับโลก" สู้วิกฤตสิ่งแวดล้อม
เดือนเมษายนวนกลับมาอีกครั้ง คำพูดที่ถูกพูดมากที่สุดคงจะเป็น “ทำไมมันร้อนอย่างนี้” จนทำให้หลายคนไม่อยากจะออกไปไหน แถมบิลค่าไฟก็ยังแพงขึ้นอย่างน่าตกใจ จริง ๆ แล้วนี่อาจไม่ใช่แค่ฤดูร้อนที่หมุนเวียนมาตามปกติ แต่เป็นสัญญาณของภาวะโลกร้อนที่นับวันจะยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาอุณหภูมิของโลกสูงสุดเป็นประวัติการณ์ รัฐบาลหลายประเทศลงความเห็นว่าเราต้องพยายามรักษาอุณหภูมิเฉลี่ยผิวโลกไม่ให้เพิ่มมากไปกว่า 1.5 องศาเซลเซียส ซึ่งตอนนี้อุณหภูมิของโลกสูงขึ้นมากถึง 1.2 องศาเซลเซียสแล้ว ทำให้ต้องเร่งแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน หากไม่สามารถควบคุมได้และโลกร้อนขึ้นถึง 2 องศาเซลเซียส เราจะประสบปัญหาคลื่นความร้อนที่ร้อนจนทำให้เราเสียชีวิตได้ ประชากรกว่า 420 ล้านคน จะไม่สามารถอาศัยอยู่ในประเทศเขตร้อนในช่วงฤดูร้อนได้อีกต่อไป น้ำแข็งขั้วโลกจะละลายและนำพาให้เชื้อโรคหลายชนิดที่ถูกแช่แข็งไว้แพร่กระจายออกมา เกิดเป็นโรคระบาดที่ยากจะควบคุม ด้านฝั่งมหาสมุทร 99% ของแนวปะการังซึ่งเป็นที่อยู่ของสัตว์ทะเลจะสูญหาย ส่งผลกระทบใหญ่หลวงต่อระบบนิเวศของมหาสมุทร
วันที่ 22 เมษายนของทุกปี จึงถูกกำหนดให้เป็น วันคุ้มครองโลก หรือ Earth Day เพื่อให้คนบนโลกตระหนักถึงการกระทำที่ส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมในธรรมชาติ ซึ่งไม่ใช่การคุ้มครองโลกเพียงอย่างเดียว แต่คือการคุ้มครองตัวเราที่ต้องอยู่บนโลกนี้ต่อไป และส่งต่อโลกที่น่าอยู่ให้แก่รุ่นลูกรุ่นหลานของเรา โดยธีมปีนี้ คือ “ลงทุนกับโลกของเรา (Invest In Our Planet)” เป็นการรณรงค์ให้ทุกคนสละเวลา และกำลังในการแก้ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม เพื่ออนาคตที่สดใส ถ้าเราร่วมกันลงทุนกับโลกของเรา เราก็จะมีสังคมที่แข็งแรง มีความสุข และมั่งคั่ง ปัญหาสิ่งแวดล้อมไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป และการแก้ปัญหาต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ดังนั้น NIA จึงอยากชวนคุณมาร่วมรักษ์โลกผ่านโครงการนวัตกรรมที่ได้รับการสนับสนุนจาก NIA จะมีอะไรบ้างไปดูกัน!!
จะดีแค่ไหนถ้าสิ่งที่คุณชอบมากที่สุดอย่างการกินสามารถช่วยโลกได้ Yindii (ยินดี) เป็นแอปพลิเคชันส่งอาหารส่วนเกินจากร้านอาหาร ร้านกาแฟ โรงแรม และซุปเปอร์มาร์เก็ตในราคาถูก โดยมีเป้าหมายเพื่อปกป้องสิ่งแวดล้อมจากสภาวะโลกร้อนด้วยการลดปริมาณขยะอาหาร ซึ่งกำลังจะเป็นปัญหาใหญ่ด้านสิ่งแวดล้อมของโลกใบนี้
แต่ละปีมนุษย์ผลิตก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) จากขยะอาหารประมาณ 8% และประมาณ 2% สำหรับอุตสาหกรรมการกิน ซึ่งแปลว่าขยะอาหารปล่อยก๊าซมากกว่าเกือบ 4 เท่า และยิ่งไปกว่านั้นก๊าซมีเทนที่มาจากกระบวนการย่อยสลายขยะอาหารส่งผลกระทบทำให้เกิดสภาวะโลกร้อนรุนแรงกว่าก๊าซ CO2 กว่า 25-30% ประเทศไทยเองมีขยะอาหารมากถึง 17.6 ล้านตันต่อปี ในขณะที่ทั่วโลกมีขยะอาหารมากถึงพันล้านตันซึ่งมาจากการผลิตอาหารที่ไม่ได้นำไปใช้ประโยชน์
การใช้บริการ Yindii จะเหมือนกับแอปพลิเคชันสั่งอาหารทั่วไป คุณสามารถเลือกสถานที่ได้ว่าต้องการอาหารจากที่ไหน ซึ่งมีโรงแรมและร้านอาหารเข้าร่วมมากกว่า 100 แห่ง ทั่วกรุงเทพฯ ผู้ให้บริการจะขายอาหารส่วนเกินของวันนั้นที่ยังไม่มีใครสั่งซื้อ ในราคาถูกลงสูงสุดถึง 70% และมีบริการจัดส่งถึงที่ นอกจากนี้ ยังมีเมนู Surprise Box โดยทางร้านจัดเตรียมอาหารใส่กล่อง Yindii ลูกค้าจะรู้ว่าเป็นอาหารอะไรก็ต่อเมื่อเปิดกล่องนั้น สร้างความรู้สึกเหมือนเป็นของขวัญสุดเซอร์ไพรส์เมื่อได้รับกล่อง อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.yindii.co/
สายแฟชั่นต้องถูกใจสิ่งนี้ ปัจจุบันผู้หญิงซื้อเสื้อผ้าเพิ่มขึ้นถึง 60% เมื่อเทียบกับ 15 ปีที่แล้ว แต่โดยเฉลี่ยกลับใส่มันเพียง 7 ครั้งเท่านั้น ซึ่งเป็นผลมาจากเทรนด์ของโซเชียลมีเดียที่เมื่อเสื้อผ้าถูกใส่ถ่ายรูปลงไปแล้ว ก็จะไม่อยากใส่มันอีก
จากการสำรวจพบว่า อุตสาหกรรมแฟชั่นปล่อยก๊าซ CO2 สูงถึง 10% ของปริมาณก๊าซ CO2 โลก ซึ่งมากกว่าการขนส่งทางเรือและเครื่องบินรวมกัน นอกจากนี้ อุตสาหกรรมแฟชั่นยังทำให้เกิดน้ำเสียถึง 20% ของปริมาณน้ำเสียทิ้งของโลก และการผลิตเสื้อจากฝ้าย 1 ตัวนั้นใช้น้ำมากถึง 2,700 ลิตร ซึ่งเป็นจำนวนน้ำที่คนหนึ่งคนสามารถใช้บริโภคได้ถึง 3 ปี
Hangles จึงเข้ามาตอบโจทย์ปัญหานี้ ด้วยแพลตฟอร์มที่รวมรวบสินค้าแฟชั่นมือสองไว้ที่เดียว มีการจัดหมวดหมู่ที่ค้นหาง่าย พร้อมด้วยฟีเจอร์ใหม่ 2 อย่าง ได้แก่ Hangles Reward Program การสะสมคะแนนจากการซื้อขายสินค้าบนแพลตฟอร์มที่คำนวณคะแนนจากผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม โดยสามารถนำคะแนนมาใช้แลกสิทธิประโยชน์ภายในแพลตฟอร์มได้ เช่น ส่วนลด การส่งฟรี เป็นต้น และ Hangles “Busy Girls” + Donation Features ระบบฝากขายอัตโนมัติและการบริจาคเสื้อผ้า เพื่อเพิ่มตัวเลือกในการจัดการกับเสื้อผ้าที่ไม่ใช้แล้วให้กับลูกค้า ซึ่งนอกจากจะเป็นการใช้สินค้า Fast Fashion ให้เกิดประโยชน์สูงสุดแล้ว ยังทำให้การชอปปิงและส่งต่อเสื้อผ้าเป็นเรื่องสนุก ลูกค้าสามารถร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือสังคมและโลกของเราไปในตัวอีกด้วย อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.hangles.com/
ใครชอบเสี่ยงดวงต้องมาทางนี้ Trash Lucky ให้คุณลุ้นโชคโดยไม่ต้องเสียเงินซื้อ แต่ใช้ขยะที่มีอยู่ในบ้านมาแลก ปัจจุบันประเทศไทยมีปริมาณขยะ 27 ล้านตัน เป็นขยะที่กำจัดไม่ถูกวิธี 13.5 ล้านตัน กำจัดถูกวิธี 8 ล้านตัน และขยะรีไซเคิล 5 ล้านตัน ขยะพลาสติกที่กำจัดไม่ถูกวิธีจะถูกฝังกลบ ซึ่งใช้พื้นที่มากกว่าขยะปกติถึง 3 เท่า หรือหากนำไปเผาจะทำลายสิ่งแวดล้อมอย่างมาก รวมทั้งมีสารตกค้างในสิ่งแวดล้อม การรีไซเคิลขยะถูกทิ้งให้เป็นหน้าที่ของคนที่มีรายได้น้อยนำไปคัดแยกหรือซื้อขายขยะรีไซเคิล ถึงแม้ระบบนี้ถูกใช้มานานแต่สถิติการรีไซเคิลขยะของประเทศไทยอยู่ที่ 20-25% ซึ่งถือว่าต่ำมากเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ การรณรงค์การลดปริมาณขยะและแยกขยะจึงกลายเป็นวาระแห่งชาติและวาระแห่งโลกที่ต้องการความร่วมมือทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และคนรุ่นใหม่ ซึ่งเป็นกำลังสำคัญที่จะช่วยเปลี่ยนสังคมของเราให้น่าอยู่ยิ่งขึ้น
Trash Lucky ได้ดึงเอาสิ่งที่ถูกจริตคนไทย อย่างการเล่นเกมและการชิงโชคมาขับเคลื่อนแรงบันดาลใจในการกำจัดขยะให้ถูกวิธี เป็นโมเดลธุรกิจที่ช่วยส่งเสริมให้คนทั่วไปอยากแยกขยะเพิ่มขึ้น ด้วย 3 ขั้นตอนง่าย ๆ ได้แก่ 1) แยก: คัดแยกขยะรีไซเคิลตามประเภท เช่น พลาสติก แก้ว กระดาษ โลหะ 2) แลก: บริจาคขยะรีไซเคิลผ่านบริการส่งพัสดุ บริการรับขยะถึงบ้าน หรือนำมาส่งที่จุดรับของ Trash Lucky หรือชุมชนที่ร่วมโครงการ และ 3) ลุ้น: รับแต้มตามน้ำหนักขยะที่ส่งมารีไซเคิล ใช้แต้มสะสมแลกสิทธิลุ้นทองคำ และรางวัลอื่น ๆ ทุกเดือน รวมมูลค่ากว่า 30,000 บาท
นอกจากนี้ Trash Lucky ยังให้บริการโครงการรีไซเคิลขยะที่จะเข้าไปร่วมวางแผนโครงการแยกขยะที่ทั้งสนุก มีสาระความรู้ และได้ร่วมสร้างพลังสีเขียวให้กับสังคมไม่ว่าจะเป็นโรงเรียน หมู่บ้าน คอนโด ชุมชน หรือออฟฟิศ ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://trashlucky.com/
ข้อมูลอ้างอิง
บทความโดย
ดุจรพี เชาวนปรีชา (พี)
นักส่งเสริมนวัตกรรม ฝ่ายโครงสร้างพื้นฐานนวัตกรรม
สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน)