สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน)
ความเคลื่อนไหวของ NIA
ช่องทางในการติดต่อกับ NIA
NIA เปิดโครงการ Innovator Journey ผนึกกำลัง 9 เครือข่ายภูมิภาค CWIE และกลุ่มบริษัทที่ปรึกษา ร่วมพัฒนาเยาวชนไทยสู่การเป็นนวัตกรรุ่นใหม่ พร้อมขับเคลื่อน Green Transformation ผ่านการเรียนรู้และฝึกปฏิบัติงานจริงในสถานประกอบการ
สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ร่วมมือกับ 9 เครือข่ายมหาวิทยาลัยภูมิภาคของ CWIE (Cooperative and Work Integrated Education) เปิดตัว ‘Innovator Journey’ โครงการพัฒนาเยาวชนไทยให้ก้าวสู่การเป็น ‘นวัตกรรุ่นใหม่’ ผ่านกระบวนการเรียนรู้จากประสบการณ์จริง ผสานความร่วมมือของภาครัฐ ภาคการศึกษา และภาคธุรกิจ พร้อมปลูกฝังแนวคิด Green Transformation เพื่อผลักดันการพัฒนาเศรษฐกิจสีเขียวและธุรกิจนวัตกรรมที่ยั่งยืนด้วยนวัตกรรุ่นใหม่ เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2568 ในรูปแบบออนไลน์ โดยได้รับเกียรติจาก ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ เป็นประธานเปิดโครงการ พร้อมด้วย นายปริวรรต วงษ์สำราญ รองผู้อำนวยการด้านระบบนวัตกรรม และนายชาญวิทย์ รัตนราศรี ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมธุรกิจนวัตกรรม ร่วมในพิธีเปิดด้วย
ซึ่งจุดเด่นในโครงการนี้ คือ การจำลองหน่วยสร้างสรรค์นวัตกรรม (Innovation Unit) ในสถานประกอบการจริง โดยสร้างโอกาสให้นักศึกษาทีมละ 3 คนจาก 3 สาขาความเชี่ยวชาญที่เป็นแกนสำคัญในการสร้างสรรค์นวัตกรรม ได้แก่ ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี ด้านธุรกิจ และด้านศิลปะการสื่อสาร ได้เข้าปฏิบัติงานและรับโจทย์จริงจากผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมที่ต้องการเปลี่ยนผ่านองค์กรด้วยนวัตกรรมสู่การสร้างธุรกิจสีเขียว (Green Economy) ทั้งนี้ NIA เครือข่ายที่ปรึกษา และมหาวิทยาลัยจะร่วมกันติดอาวุธและเตรียมความพร้อมให้เยาวชนก่อนลงไปปฏิบัติงานจริง ผ่านหลักสูตร STEAM4INNOVATOR ซึ่งเป็น 4 ขั้นตอนสำคัญในการคิดสร้างสรรค์นวัตกรรมอย่างเป็นระบบ ได้แก่ การค้นหาปัญหา การคิดสร้างสรรค์และเลือกไอเดีย การออกแบบธุรกิจและการทดลองต้นแบบ และการผลิตและกระจายนวัตกรรมออกสู่ตลาด
ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ กล่าวถึงบทบาทในการสร้าง “นวัตกรรุ่นใหม่” เพื่อเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมไทย ผ่านโครงการ Innovator Journey ว่า “Innovator Journey ถูกออกแบบให้เป็นมากกว่าหลักสูตรการพัฒนาทักษะทั่วไป แต่เป็นโมเดล Sandbox นวัตกรรม ที่เปิดโอกาสให้เยาวชน ได้ลงมือทำจริง เรียนรู้จากประสบการณ์จริง และพัฒนาทักษะการเป็นผู้นำนวัตกรรมในอนาคต พร้อมเชื่อมโยงองค์ความรู้เชิงวิชาการกับโลกแห่งการลงมือทำจริงในภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม ผ่านการสนับสนุนด้านทรัพยากร คำแนะนำและประสบการณ์จากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะช่วยให้เยาวชนสามารถพัฒนาแนวคิดให้กลายเป็นนวัตกรรมที่ต่อยอดธุรกิจของผู้ประกอบการที่ร่วมโครงการได้จริง”
“สำหรับจุดเด่นคือ การให้เยาวชนทำงานเป็นทีม ‘Innovation Unit’ กลุ่มละ 3 คน เสมือนเป็นหน่วยพัฒนานวัตกรรมภายในองค์กร มีภารกิจสำคัญคือ ‘การสร้างสรรค์คุณค่าใหม่ให้กับธุรกิจ’ โดยมีส่วนร่วมตั้งแต่การสร้างสรรค์แนวคิด การพัฒนาและทดสอบต้นแบบ ไปจนถึงการวางแผนธุรกิจเพื่อการลงทุนจริง ซึ่งระหว่างทางจะมีการสนับสนุนองค์ความรู้และทรัพยากรจาก NIA ทีมเครือข่ายที่ปรึกษา มหาวิทยาลัย และพี่เลี้ยงในสถานประกอบการ ที่จะช่วยให้เยาวชนเข้าใจและสามารถประยุกต์ใช้กระบวนการสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อสร้างสรรค์ผลงานได้อย่างแท้จริง อีกทั้งเป็นการเสริมสร้างทักษะเชิงเทคนิคความเชี่ยวชาญในด้านที่เรียนมาและเสริมทักษะการทำงานจริง สอดคล้องกับแนวทางโครงการสหกิจศึกษาและการศึกษาเชิงบูรณาการกับการทำงาน (CWIE) ของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)”
“ในปีนี้ Innovator Journey มุ่งเน้นโจทย์ไปที่ Green Innovation เพื่อส่งเสริมการจัดการทรัพยากรอย่างยั่งยืน ตอบรับทิศทางของอนาคตที่โลกธุรกิจต้องหันมาให้ความสำคัญไม่เพียงประโยชน์ด้านความยั่งยืน แต่ยังเป็นปัจจัยในการแข่งขัน โดยโครงการนี้ไม่เพียงจะสร้างนวัตกรรมให้กับองค์กรสีเขียว แต่บุคลากรที่มีทักษะด้านนวัตกรรมหรือ “Green Innovators” ก็จะเกิดขึ้นพร้อมกัน เพื่อร่วมเปลี่ยนแปลงโลกด้วยนวัตกรรมที่ยั่งยืนในอนาคตด้วย โดยแบ่งเป็น 4 ช่วงหลัก ได้แก่ 1) Open Stage เปิดรับสมัครเยาวชนและผู้ประกอบการจากทั่วประเทศเข้าร่วมโครงการ 2) Knowledge Stage เยาวชนจำนวน 90 คน และบริษัทจำนวน 30 แห่งที่ได้รับคัดเลือกจะเข้าสู่การเตรียมความพร้อมด้วยหลักสูตรเข้มข้นเพื่อติดอาวุธความรู้และปูทักษะที่จำเป็นโดยเฉพาะเรื่องนวัตกรรมและ Green Transformation 3) Real Experience Journey จัดทีมละ 3 คน จำนวน 30 ทีมเพื่อจับคู่กับ 30 บริษัทบนโจทย์ที่ตรงกับความถนัดและความสนใจ เริ่มฝึกทำงานเป็นหน่วยสร้างสรรค์นวัตกรรม เพื่อเปลี่ยนแปลงองค์กรสู่การเป็นธุรกิจสีเขียว โดยทั้ง 30 ทีมจะได้รับคำแนะนำในการพัฒนาโครงการอย่างเข้มข้น จากผู้เชี่ยวชาญ และ 4) Innovator Journey Pitching เวทีแสดง 10 ผลงานต้นแบบนวัตกรรมที่โดดเด่น เยาวชนจะได้นำเสนอเส้นทางนวัตกรที่ได้ลงมือทำจริงต่อสาธารณะในงาน 9.9 STEAM4INNOVATOR’s Day ในช่วงเดือนกันยายน 2568 นอกจากนี้ อีกหนึ่งเป้าหมายสำคัญคือ การขยายผล Sandbox ให้เกิดผลลัพธ์ที่ยั่งยืน จึงได้ร่วมมือกับเครือข่ายมหาวิทยาลัยภูมิภาคของ CWIE ทั้ง 9 แห่งทั่วประเทศ เพื่อให้โมเดลการพัฒนาบุคลากรด้านนวัตกรรมนี้สามารถเข้าถึงเยาวชนในทุกภูมิภาค และสร้างเส้นทางการเรียนรู้ด้านนวัตกรรมที่เชื่อมโยงทั่วประเทศ สามารถขยายผลในการฝึกปฏิบัติงานของน้อง ๆ มหาวิทยาลัยรุ่นนี้และรุ่นต่อไปได้อย่างดี Innovator Journey จึงไม่ใช่แค่หลักสูตรฝึกอบรม แต่เป็นการปูทางให้เยาวชนไทยเติบโตเป็นนวัตกรที่พร้อมนำพาประเทศไปสู่การเป็น “ชาตินวัตกรรม” ในอนาคต” ดร. กริชผกา กล่าวเพิ่มเติม
ผศ.ดร.อาทิตย์ คูณศรีสุข ผู้อำนวยการศูนย์สหกิจศึกษาและพัฒนาอาชีพ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ประธานเครือข่าย CWIE ภาคอีสานตอนล่าง กล่าวว่า “โครงการนี้เป็นการสร้างโอกาสให้นักศึกษาจาก 3 สาขาวิชา เข้าไปเป็นทีมพัฒนานวัตกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมให้กับสถานประกอบการ นักศึกษาที่เข้าร่วมจะได้รับประสบการณ์อาชีพที่เพิ่มโอกาสได้งานทำ ขณะเดียวกันสถานประกอบการที่เข้าร่วมจะได้พัฒนาผลิตภัณฑ์หรือบริการใหม่ๆ โดยทำงานร่วมกับนักศึกษา ซึ่งผ่านการเตรียมความพร้อมและมีระบบกำกับดูแลโดยสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA”
ผศ.ดร.วิรัช เลิศไพฑูรย์พันธ์ รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยศรีปทุม ประธานเครือข่าย CWIE ภาคกลางตอนบน กล่าวว่า “โครงการ Innovator Journey ไม่ใช่แค่เวทีการเรียนรู้ แต่เป็นเหมือนสนามฝึกฝนที่เปิดโอกาสให้กับ นิสิต-นักศึกษา และผู้ประกอบการ ได้สัมผัสกับประสบการณ์จริงในการแก้ปัญหาทางธุรกิจผ่านแนวคิดนวัตกรรมสีเขียว หรือที่เรียกว่า ‘Green Transformation Innovation’ โดยเยาวชนจะได้พัฒนาทักษะที่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องคิดเชิงนวัตกรรม การทำงานเป็นทีม การทำงานข้ามศาสตร์ และการสร้างโมเดลธุรกิจที่ยั่งยืน”
ผศ.ดร.พร้อมพงศ์ สุกัณศีล รองผู้อำนวยการ สำนักพัฒนาคุณภาพการศึกษา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ผู้แทนเครือข่าย CWIE ภาคเหนือตอนบน กล่าวว่า “มหาวิทยาลัยเชียงใหม่เข้าร่วมโครงการ Innovator Journey เพื่อส่งเสริมการเปลี่ยนแปลงสังคมไทยและยกระดับคุณภาพชีวิต ผ่านทั้ง AI นวัตกรรม ทักษะการคิดวิเคราะห์ และการแก้ปัญหา โดยนักศึกษาจะได้ฝึกงานกับองค์กรธุรกิจ เพื่อพัฒนาองค์กรและสร้างผลิตภัณฑ์นวัตกรรม ซึ่งโครงการนี้เป็นมากกว่าการฝึกงาน แต่เป็นการสร้างเส้นทางสู่การสร้างนวัตกรรม”
รศ.ดร.วัฒนา พัดเกตุ รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ มหาวิทยาลัยนเรศวร ประธานเครือข่าย CWIE ภาคเหนือตอนล่าง กล่าวว่า “วิธีการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพและดีที่สุดคือการให้ผู้เรียนได้มีประสบการณ์การทำงานในสถานประกอบการจริง ดังนั้น จึงถือเป็นโอกาสดีที่ผู้เรียนจะได้มีผู้ช่วยให้ความรู้เพิ่มเติม ติวให้มีทักษะและความคิดสร้างสรรค์เพิ่มขึ้น พร้อมโอกาสทำงานเป็นทีมในสถานประกอบการจริง”
ผศ.ดร.เด่นพงษ์ สุดภักดี รองอธิการบดีฝ่ายการศึกษาและดิจิทัล มหาวิทยาลัยขอนแก่น ประธานเครือข่าย CWIE ภาคอีสานตอนบน กล่าวว่า “ในโลกยุคบานี่ (BANI World) ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและคาดเดาได้ยาก ทักษะด้านนวัตกรรม ทักษะผู้ประกอบการ และทักษะการแก้ปัญหาในสถานการณ์จริงจึงมีความสำคัญมาก การเรียนรู้จากประสบการณ์จริงนอกเหนือจากห้องเรียนเป็นสิ่งจำเป็น โครงการนี้จะช่วยให้นักศึกษาได้ฝึกฝนจากการทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่างๆ เพิ่มพูนทักษะรอบด้าน และเปิดโอกาสให้สถานประกอบการรับนักศึกษาที่มีศักยภาพเข้าไปทำงานร่วมกัน สนับสนุนการพัฒนาองค์กรและสังคมผ่านแนวคิดและผลงานทางนวัตกรรม นักศึกษาและสถานประกอบการที่เข้าร่วมจะได้รับโอกาสในการเรียนรู้ สร้างสรรค์ และมีส่วนร่วมในการพัฒนานวัตกรรมเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน”
ดร.พรชัย มงคลวนิช อธิการบดี มหาวิทยาลัยสยาม ประธานเครือข่าย CWIE ภาคกลางตอนล่าง เสริมว่า “ปัจจุบันการคิดเชิงนวัตกรรม โดยเฉพาะด้าน Customization และ Mass Customization เป็นสิ่งสำคัญ จึงอยากสนับสนุนความร่วมมือกับสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) เพื่อพัฒนานักศึกษาให้มีความกล้าคิด กล้าทำ และไม่ย่อท้อต่อความล้มเหลว เชื่อว่าโครงการนี้จะเป็นประโยชน์ต่อวงการสหกิจศึกษาและการศึกษาเชิงบูรณาการกับการทำงานยุคใหม่แน่นอน”
ดร.สานนท์ อนันทานนท์ รองคณบดีคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยบูรพา เลขานุการเครือข่าย CWIE ภาคตะวันออก กล่าวว่า “หลักสูตร STEAM4INNOVATOR จะช่วยบูรณาการความรู้ด้านเทคโนโลยี วิศวกรรม และบริหารธุรกิจ ตั้งแต่การวางแผน ออกแบบ ไปจนถึงการตลาด นิสิตจะได้ฝึกการคิดสร้างสรรค์ แก้ไขปัญหา ทำงานเป็นทีม และได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ อีกทั้งการฝึกปฏิบัติในระบบ CWIE อย่างน้อย 4 เดือน จะช่วยพัฒนาทักษะและสามารถนำความรู้ไปใช้ในอาชีพได้จริง ช่วยให้เกิดการส่งเสริมแนวคิดธุรกิจสีเขียว เพื่อสร้างสังคมและสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืนต่อไป”
ผศ.ดร.ผดุงศักดิ์ สุขสอาด รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ประธานเครือข่าย CWIE ภาคใต้ตอนบน กล่าวว่า “การปฏิบัติสหกิจศึกษาจะส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาทักษะของนักศึกษา ตอบโจทย์ความต้องการของสถานประกอบการ และช่วยให้สถาบันการศึกษาสามารถปรับปรุงหลักสูตรให้สอดคล้องกับภาคอุตสาหกรรมมากขึ้น”
รศ.ดร.สุรพงษ์ ชาติพันธุ์ รองผู้อำนวยการฝ่ายนวัตกรรมการศึกษา สำนักการศึกษาและนวัตกรรมการเรียนรู้ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ รองประธานเครือข่าย CWIE ภาคใต้ตอนล่าง กล่าวปิดท้ายว่า “โครงการนี้เปิดโอกาสให้กับ 3 ฝ่าย คือ นักศึกษา ผู้ประกอบการ และสถานศึกษา ได้เข้ามาร่วมมือกัน ซึ่งนักศึกษาจะได้มีโอกาสทำงานจริง สามารถประยุกต์ใช้ความรู้จากในห้องเรียนมาใช้ในการทำงานจริง รวมถึงการฝึก soft skill ไม่ว่าจะเป็นการนำเสนอผลงาน การทำงานเป็นทีม และการสื่อสาร ซึ่งผู้ประกอบการจะได้เห็นว่าเด็กทำงานเป็นอย่างไร ก่อนที่เขาจะจบทำงานจริงและทางสถานศึกษาเองจะได้มีโอกาสสร้าง connection กับสถานประกอบการ จึงถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของทั้ง 3 ฝ่ายที่ได้เข้าร่วมโครงการที่ดีอย่างโครงการ Innovator Journey นั่นเอง”
มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างเส้นทางนวัตกรไปด้วยกัน NIA และ 9 เครือข่ายมหาวิทยาลัยภูมิภาค CWIE ขอเชิญชวนนิสิต นักศึกษา ที่สนใจร่วมสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อธุรกิจสีเขียว สมัครเข้ามาทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ ร่วมสร้างสังคมนวัตกรรมและการเรียนรู้อย่างยั่งยืน เปิดรับสมัครแล้วตั้งแต่วันนี้ - 18 เมษายน 2568 ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Innovator Journey
#NIA #InnovatorJourney #GreenInnovation #นวัตกรรุ่นเยาว์ #STEAM4INNOVATOR