สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน)
Search
color contrast
Normal
Black & White
Black & Yellow
font size

ป้ายยา “Lean Canvas” เครื่องมือสร้างห้องเรียนผู้ประกอบการ สำหรับครูผู้สร้างนวัตกร

29 กันยายน 2568 627

ป้ายยา “Lean Canvas” เครื่องมือสร้างห้องเรียนผู้ประกอบการ สำหรับครูผู้สร้างนวัตกร

 

การสร้างสังคมนวัตกรรม (Innovation Community) ไม่ใช่เรื่องไกลตัว แต่เริ่มต้นได้ตั้งแต่ในห้องเรียน และ “ครู” คือฟันเฟืองสำคัญที่จะจุดประกายให้เยาวชนก้าวสู่การเป็นผู้ประกอบการในอนาคต

Lean Canvas

ด้วยเหตุนี้ สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA จึงร่วมกับ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) เดินหน้าพัฒนา “ครูนวัตกร” ผ่านการอบรมเชิงปฏิบัติการครูและศึกษานิเทศก์ (ศน.) รวมกว่า 793 คน ครอบคลุม 7 ศูนย์จังหวัดทั่วประเทศ เสริมทักษะการจัดการเรียนรู้แบบ STEAM4INNOVATOR และเพิ่มพลังด้วย เครื่องมือ Lean Canvas ให้ครูสามารถนำไปปรับใช้กับผู้เรียนได้จริง

Lean Canvas เปรียบเสมือน Business Plan ฉบับย่อ ที่ถูกพัฒนามาจาก Business Model Canvas (BMC) โดยมีทั้งหมด 9 ช่องที่เชื่อมโยงกันอย่างเป็นระบบ เน้นความเข้าใจลูกค้า ปัญหา วิธีแก้ และโอกาสในตลาดอย่างกระชับ เหมาะกับการฝึกเยาวชนให้คิดเป็นระบบและลองลงสนามจริง

 

1. Customer Segments – ลูกค้าคือใคร

การทำธุรกิจจะเริ่มไม่ได้เลย หากไม่รู้ว่า “ลูกค้าของเราคือใคร” สิ่งสำคัญคือไม่ควรจำกัดแค่ผู้ใช้ปลายทาง แต่ต้องมองรอบด้านว่าใครบ้างที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ เช่น

  • แพลตฟอร์มขายบ้าน: ไม่ใช่แค่ผู้ซื้อบ้าน แต่รวมถึงผู้เช่า เจ้าของบ้าน และนายหน้า
  • ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม: อาจมีทั้งผู้บริโภคโดยตรง ร้านขายยา และแพทย์/เภสัชกรที่แนะนำสินค้า

การระบุให้ชัดว่าลูกค้าคือใคร จะช่วยให้เราออกแบบสินค้าและการสื่อสารได้ตรงกลุ่มมากขึ้น

2. Problem – ปัญหาหลัก

ทุกธุรกิจเริ่มต้นจาก “การแก้ปัญหา” ลองลิสต์ 3 ปัญหาที่ลูกค้าเจอบ่อยที่สุด โดยใช้มุมมองชีวิตจริงของพวกเขา เช่น ความลำบาก ความไม่สะดวก หรือสิ่งที่ทำให้เสียเวลา/เสียเงิน เช่น:

  • ต้องเดินทางไกลเพื่อทำธุรกรรม
  • ผักและผลไม้เสียหายกว่า 30% ก่อนถึงผู้บริโภค
  • การเรียนออนไลน์น่าเบื่อ ไม่ดึงดูดผู้เรียน

การเข้าใจปัญหาที่แท้จริงคือรากฐานของการสร้างธุรกิจที่ตอบโจทย์

3. Unique Value Proposition – จุดเด่นที่ต่าง

ทำไมลูกค้าต้องเลือกเรา?

หัวข้อนี้คือการสรุปคุณค่าหลักของธุรกิจให้อ่านแล้วเข้าใจทันที โดยต้อง สั้น คม ชัด และคู่แข่งเลียนแบบยาก เช่น:

  • “ระบบเซ็นเอกสารออนไลน์ที่ปลอดภัย ใช้ง่าย และรวดเร็วที่สุดในไทย”
  •  “น้ำผลไม้สกัดเย็นที่คงคุณค่าสารอาหารครบถ้วน ไม่เติมน้ำตาล”
  • “คอร์สเรียนออนไลน์แบบ Gamification ที่ทำให้เด็กเรียนแล้วสนุกจนไม่อยากเลิก”

4. Solution – วิธีแก้ปัญหา

เมื่อรู้ปัญหาแล้ว ต้องนำเสนอ วิธีแก้ที่ชัดเจน ตัวอย่างเช่น:

  • Problem: ต้องเดินทางไกลไปเซ็นเอกสาร
    → Solution: ระบบ eSign ให้เซ็นออนไลน์ได้ทุกที่
  • Problem: ผักผลไม้เน่าเสียก่อนขาย
    → Solution: ผลิตภัณฑ์ยืดอายุการเก็บรักษาในอุณหภูมิห้อง

Solution ไม่จำเป็นต้องซับซ้อน แต่อยู่ที่ว่ามัน “ตอบโจทย์จริง” หรือไม่

 

5. Channels – ช่องทางเข้าถึงลูกค้า

การเข้าถึงลูกค้าไม่ใช่แค่การขาย แต่รวมถึงวิธีสื่อสารและสร้างความสัมพันธ์ เช่น:

  • ออนไลน์: Facebook, Instagram, TikTok, Shopee, Lazada
  • ออฟไลน์: ร้านค้า, ตัวแทนจำหน่าย, อีเวนต์
  • การสื่อสาร: โฆษณา Google Ads, คอนเทนต์การตลาด, อีเมล, โทรศัพท์

การเลือกช่องทางที่เหมาะสมจะช่วยประหยัดต้นทุนและเข้าถึงลูกค้าได้เร็วกว่า

6. Revenue Streams – รายได้มาจากไหน

ธุรกิจต้องอยู่ได้ด้วย รายได้ที่ชัดเจน แหล่งรายได้อาจมีได้หลายแบบ เช่น:

  • การขายสินค้า/บริการโดยตรง
  • รูปแบบ Subscription รายเดือน/รายปี
  • ค่าธรรมเนียมการใช้งานแพลตฟอร์ม
  • การขายลิขสิทธิ์/แฟรนไชส์

นอกจากนี้ควรวางแผนคร่าว ๆ ว่าแต่ละช่องทางทำเงินได้แค่ไหน และคืนทุนเมื่อไร

 

7. Cost Structure – ค่าใช้จ่าย

เมื่อมีรายได้ ก็ต้องมีรายจ่าย เราจำเป็นต้องลิสต์ค่าใช้จ่ายทั้ง คงที่ (Fixed cost) และ แปรผัน (Variable cost) เช่น:

  • ค่าผลิต/วัตถุดิบ
  • ค่าทีมงานและวิจัยพัฒนา
  • ค่าแพ็กเกจจิ้งและขนส่ง
  • ค่าโฆษณาและการตลาด

การรู้ต้นทุนชัดเจนทำให้คำนวณกำไรได้จริง ไม่ใช่แค่คาดเดา

 
8. Key Metrics – ตัวชี้วัดความสำเร็จ

สิ่งที่วัดได้ = สิ่งที่พัฒนาได้ ธุรกิจควรมี ตัวชี้วัดหลัก (Key Metrics) ที่สะท้อนความก้าวหน้า เช่น:

  • Conversion Rate (คนที่สนใจแล้วซื้อจริงกี่ %)
  • จำนวนผู้ใช้ใหม่ต่อเดือน
  • อัตราการซื้อซ้ำ
  • รายได้รวม/กำไรสุทธิ

ตัวเลขเหล่านี้จะบอกเราว่าธุรกิจกำลังโตจริงหรือไม่

 

9. Unfair Advantage – ความได้เปรียบที่คู่แข่งทำตามไม่ได้

หัวข้อนี้คือ “อาวุธลับ” ที่ทำให้ธุรกิจแตกต่างจริง ๆ ไม่ใช่แค่ถูกลอกเลียนได้ง่าย เช่น:

  • เทคโนโลยีเฉพาะทางที่จดสิทธิบัตรแล้ว
  • ทีมผู้ก่อตั้งมีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน
  • เครือข่ายพันธมิตรที่แข็งแรง
  • แบรนด์ที่ลูกค้าไว้วางใจและผูกพัน

 

Unfair Advantage คือเกราะป้องกันธุรกิจให้อยู่รอดในตลาดที่มีการแข่งขันสูง

 

จากห้องเรียนสู่การเป็นผู้ประกอบการจริง การอบรมครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงทฤษฎี แต่ยังหยิบ กรณีศึกษาจริงจากเยาวชนในโครงการ Thailand Innovation Awards (TIA) ครั้งที่ 18 มาเป็นตัวอย่าง ได้แก่ ผลงาน EVER FRESH ผลิตภัณฑ์ไบโอโมเลกุลเปปไทด์ที่ช่วยยืดอายุการเก็บรักษาผักและผลไม้ พัฒนาโดย นางสาวณีรนุช รักยิ่ง (น้ำซุป)

 

กรณีศึกษานี้สะท้อนอย่างเป็นรูปธรรมว่า เยาวชนที่ผ่านกระบวนการ STEAM4INNOVATOR ไม่ได้เป็นเพียงกระบวนการเรียนรู้เชิงนวัตกรรม แต่ยังสามารถก้าวไปสู่การเป็นผู้ประกอบการนวัตกรรมได้จริงอีกด้วย เมื่อครูมีเครื่องมือ นวัตกรรุ่นใหม่ก็จะมีเวทีและนี่คือก้าวสำคัญของ การยกระดับสังคมนวัตกรรมไทยตั้งแต่ในห้องเรียน

 

ขอขอบคุณรูปภาพจาก

  • ฝ่ายพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษา สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.)

 

ขอขอบคุณกรณีศึกษาและรูปภาพจาก

  • คุณณีรนุช รักยิ่ง (น้ำซุป) ผู้ประกอบการ เจ้าของผลงานนวัตกรรม “ผลิตภัณฑ์โบโอโมเลกุลเปปไทด์” สำหรับยืดอายุการเก็บรักษาผลิตภัณฑ์อาหาร

 

บทความโดย

  • ณัฐธยาน์ วัจนะรัตน์ (บลู) นักส่งเสริมนวัตกรรม ฝ่ายส่งเสริมธุรกิจนวัตกรรม สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน)

 

#NIA #STEAM4INNOVATOR #นวัตกร #นวัตกรรม #งานพัฒนานวัตกรรุ่นเยาว์ #สสวท #LeanCanvas #Thailandinnovationawards #ผู้ประกอบการยุคใหม่ #หลักสูตรการพัฒนานวัตกรรม #STEAM4iKnowledge #STEAM4iMovement