สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน)
Search
color contrast
Normal
Black & White
Black & Yellow
font size

NIA เดินหน้าปั้นผู้นำรุ่นใหม่จาก PPCIL รุ่น 7 พร้อมเสนอ 5 นวัตกรรมเชิงนโยบาย มุ่งตอบโจทย์ขีดความสามารถในการแข่งขันของ ประเทศ ครอบคลุมประเด็น “สังคมสูงวัย ทักษะแรงงาน เศรษฐกิจท้องถิ่น ระบบสุขภาพ และเศรษฐกิจใหม่”

News 23 สิงหาคม 2568 13

NIA เดินหน้าปั้นผู้นำรุ่นใหม่จาก PPCIL รุ่น 7 พร้อมเสนอ 5 นวัตกรรมเชิงนโยบาย มุ่งตอบโจทย์ขีดความสามารถในการแข่งขันของ ประเทศ ครอบคลุมประเด็น “สังคมสูงวัย ทักษะแรงงาน เศรษฐกิจท้องถิ่น ระบบสุขภาพ และเศรษฐกิจใหม่”

สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) เปิดพื้นที่ “สนามทดลองนโยบาย” ให้ผู้นำรุ่นใหม่กว่า 80 คน ร่วมนำเสนอนวัตกรรมเชิงนโยบายเพื่อแก้ไขปัญหาประเทศไทยใน 5 ประเด็น ได้แก่ ด้านสังคมสูงวัย ด้านการพัฒนาทักษะแรงงาน ด้านเศรษฐกิจท้องถิ่น ด้านระบบสุขภาพ และด้านเศรษฐกิจใหม่ ในกิจกรรมปิดหลักสูตร Public and Private Chief Innovation Leadership (PPCIL) รุ่นที่ 7 เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2568 เพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองประสบการณ์ หลักการคิดเชิงนโยบาย การคิดเชิงระบบ วิเคราะห์ปัญหาเชิงโครงสร้าง และออกแบบกลไกที่สามารถนำไปปฏิบัติได้จริง ตลอดกระบวนการได้สร้างบรรยากาศของการผสานพลังความคิดที่ไม่เพียงสร้างข้อเสนอนวัตกรรมเชิงนโยบายที่มีความเป็นไปได้สูง แต่ยังสร้างความสัมพันธ์เชื่อมโยงระหว่างเครือข่ายผู้นำข้ามรุ่นอย่างเหนียวแน่น
 
ภายในงานเริ่มด้วยการกล่าววัตถุประสงค์และผลการดำเนินกิจกรรมโดย ดร.อุรัจฉวี อุณหเลขกะ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ และได้รับเกียรติจากผู้ทรงคุณวุฒิ อาทิ ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ, คุณวุฒิสาร ตันไชย ที่ปรึกษาประธานวุฒิสภา และผู้ทรงคุณวุฒิด้านองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย, คุณสุริยนต์ ธัญกิจจานุกิจ ที่ปรึกษาด้านนโยบายและแผนงาน สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ, ผศ.ดร.ปริญญา เทวนฤมิตรกุล อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายมหาชน รัฐธรรมนูญ และการเมืองไทย, คุณพิมพ์นารา จิรานิธิศนนท์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และ รศ.ดร.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ร่วมเป็นคณะกรรมการตัดสินรางวัล "Policy Innovation Award" สำหรับนโยบายที่สามารถออกแบบมาได้สมบูรณ์ที่สุด อีกทั้งยังได้รับเกียรติจากสมาชิกวุฒิสภา อาทิ คุณนรเศรษฐ์ ปรัชญากร, คุณเทวฤทธิ์ มณีฉาย, ศาสตราภิชาน แล ดิลกวิทยรัตน, คุณเพ็ญพิสุทธิ์ จินตโสภณ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และผู้บริหารหน่วยงานภาครัฐ อาทิ คุณเตชิต ชาวบางพรหม ผู้อำนวยการสำนักนโยบายสาธารณะเขตเมือง และคณะทำงานขับเคลื่อนยุทธศาสตร์และนโยบายรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ร่วมให้ข้อเสนอแนะ
 
ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ กล่าวว่า “ในยุคที่โลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การเตรียมความพร้อมรองรับการแก้ไขปัญหาด้วยวิธีการแบบเดิมอาจไม่เพียงพอ “นวัตกรรมเชิงนโยบาย” จึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยให้องค์กรทั้งภาครัฐ และเอกชน สามารถปรับตัว สร้างความได้เปรียบ อยู่รอด และเติบโตได้อย่างยั่งยืน ทั้งนี้ การที่มีผู้นำที่เข้าใจนโยบายเชิงนวัตกรรม ไม่เพียงช่วยให้องค์กรเดินหน้าได้ยังตรงจุด แต่ยังสามารถออกแบบโครงสร้าง ระบบ และกติกาใหม่ ที่เอื้อต่อการสร้างมูลค่าเพิ่มและขยายผลเชิงสังคมได้อย่างแท้จริง ทั้งนี้ หลักสูตรอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาความสามารถทางนวัตกรรมสำหรับกลุ่มผู้นำรุ่นใหม่ภาครัฐและเอกชน (Public and Private Chief Innovation Leadership หรือ PPCIL) เป็นหลักสูตรที่มุ่งพัฒนาศักยภาพผู้บริหารรุ่นใหม่จากหน่วยงานรัฐ เอกชน ความมั่นคง การเมือง และสื่อมวลชนให้เป็น “ผู้นำการเปลี่ยนแปลง (Change Maker)” ที่เข้าใจ “Innovation System” ทั้งในระดับกลยุทธ์และการปฏิบัติจริง เพื่อที่จะนำนวัตกรรมมาใช้ในการออกแบบนโยบาย การบริหารจัดการ และการตัดสินใจเพื่อแก้ไขปัญหาสำคัญของประเทศได้อย่างเป็นรูปธรรมและมีประสิทธิภาพ ซึ่งจัดขึ้นอย่างต่อเนื่องเข้าสู่ปีที่ 7”
 
หลักสูตร PPCIL รุ่น 7 มีความโดดเด่นแตกต่างจากปีอื่นภายใต้โจทย์ใหญ่ “Future of Thailand’s Competitiveness: Shaping a Sustainable Tomorrow” โดยผลลัพธ์การออกแบบนวัตกรรมเชิงนโยบายที่ออกมานี้จะครอบคลุมประเด็นสำคัญทั้งสังคมสูงวัย การพัฒนาทักษะแรงงาน เศรษฐกิจท้องถิ่น ระบบสุขภาพ และเศรษฐกิจใหม่ ซึ่งเป็นข้อเสนอที่เจาะประเด็นทุนมนุษย์เชิงนโยบาย และทุนทางสังคม ที่พร้อมจะผลักดันข้อเสนอไปสู่การปฏิบัติจริง โดยหลังจากที่ผู้เข้าร่วมอบรมได้ผ่านกระบวนการคิดเชิงระบบ การวิเคราะห์สถานการณ์ และการทำงานร่วมกันอย่างเข้มข้น จึงได้นำเสนอข้อเสนอนวัตกรรมเชิงนโยบาย 5 เรื่องที่มีศักยภาพในการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อประเทศ ได้แก่
 
1. “พร้อม จ้าง สร้าง ได้” โมเดลยกระดับศักยภาพคนรุ่นใหญ่ให้กลับมามีบทบาทในเศรษฐกิจ ผ่านการจ้างงาน การฝึกทักษะใหม่ และการใช้ประสบการณ์เป็นทุนทางสังคม
2. “Thai Skill Plus – Skill Log” การปฏิรูประบบการรับรองฝีมือแรงงานไทยให้ทันสมัย มีฐานข้อมูลกลาง และรองรับการเคลื่อนย้ายแรงงานในอนาคต
3. “เกษียณสร้างชาติ” การสร้าง Silver Economy ด้วยมาตรการส่งเสริมผู้สูงอายุให้มีบทบาทเชิงเศรษฐกิจ ทั้งในฐานะผู้ประกอบการ นักลงทุน และผู้สร้างมูลค่าเพิ่ม
4. “Urban Me” โครงการฟื้นฟูชุมชนและดึงคนรุ่นใหม่กลับถิ่นด้วยการสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตที่ดึงดูด และ
5. “NCD Innovation Sandbox” การสร้างพื้นที่ทดสอบนวัตกรรมด้านการจัดการโรคไม่ติดต่อเรื้อรังเพื่อลดภาระและสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจจากการฟื้นฟูศักยภาพแรงงาน ข้อเสนอทั้งหมดนี้ถูกออกแบบด้วยวิสัยทัศน์ระยะยาว ควบคู่กับกลไกการดำเนินงานที่สามารถเริ่มได้จริง พร้อมตัวชี้วัดความสำเร็จที่ชัดเจน
 
“ความสำเร็จของรุ่นนี้ไม่ได้อยู่เพียงการสร้างข้อเสนอ แต่อยู่ที่การสร้างคนและเครือข่ายที่สามารถขับเคลื่อนนวัตกรรม เชิงนโยบายต่อเนื่องในอนาคต ผู้เข้าร่วมได้ผ่านกระบวนการเรียนรู้ที่ผสมผสานทฤษฎีและการปฏิบัติจริง จนเกิดการพัฒนาองค์ความรู้ใหม่ การทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ และความเข้าใจเชิงระบบที่สามารถนำไปปรับใช้ในบริบทการทำงานจริงได้ทันที นอกจากนี้ ยังเกิดพลังความร่วมมือระหว่างภาครัฐ เอกชน และภาคสังคมที่พร้อมต่อยอดข้อเสนอให้เกิดผลในระดับประเทศ ซึ่งมีแนวทางขยายผลต่อเนื่อง"
 
NIA และเครือข่าย PPCIL มีแผนผลักดันข้อเสนอนวัตกรรมเชิงนโยบายทั้ง 5 เรื่องเข้าสู่เวทีนโยบายจริง ผ่านการนำเสนอแก่หน่วยงานรัฐ สภานิติบัญญัติ และองค์กรท้องถิ่น พร้อมทั้งสร้าง Policy Sandbox สำหรับทดลองและพัฒนากลไกในพื้นที่นำร่อง รวมถึงจัดกิจกรรมเชื่อมเครือข่ายอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบันร่วมติดตามและสนับสนุนกัน ขณะเดียวกันจะเผยแพร่ความรู้และแนวคิดจากโครงการผ่านสื่อดิจิทัลและสื่อมวลชน เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมและเห็นความสำคัญของข้อเสนอนวัตกรรมเชิงนโยบาย ผลลัพธ์ของรุ่น 7 จึงไม่ใช่เพียงการปิดโครงการ แต่เป็นการเปิดบทใหม่ของการขับเคลื่อนนโยบายที่มีทั้งวิสัยทัศน์และความเป็นไปได้จริง โดยมีเครือข่ายผู้นำที่พร้อมเดินหน้าผลักดันประเทศไทยสู่อนาคตที่ยั่งยืน” ดร.กริชผกา กล่าวสรุป