“งานประจำอาจไปไม่ถึงฝัน Tripniceday อยากทำงานเพื่อสิ่งที่ดีกว่า ฝันที่ไกลกว่า”

ความรู้สึกอยากเปลี่ยนแปลงสิ่งต่าง ๆ ให้ดีมีประโยชน์ขึ้น ถือเป็นจุดเริ่มต้นสู่การเป็นเจ้านายตัวเองของใครหลาย ๆ คน เช่นเดียวกับ “คุณพี จิรายุ” และ “คุณโบ๊ต เขมพรรษฐ์” 2 หนุ่มอดีตซอฟต์แวร์เฮาส์ และมนุษย์เอเจนซี่ ที่ปัจจุบันได้ออกจากงานประจำมาพัฒนา “Tripniceday” ธุรกิจสตาร์ทอัพด้านการท่องเที่ยวของตัวเองอย่างเต็มตัว สวนกระแสโควิด-19 ที่กำลังทำพิษอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยอย่างหนัก… พวกเขากำลังคิดอะไรกันอยู่นะ?

ย้อนกลับไปช่วงกำลังเรียนปริญญาโท คุณพีและคุณโบ๊ตได้มีโอกาสค้นคว้าในเรื่องที่ทั้งคู่สนใจอยู่ร่วมปี เกี่ยวกับสถานการณ์การท่องเที่ยวภายในประเทศและโอกาสการพัฒนาต่อยอดให้กับผู้ประกอบการต่าง ๆ รวมถึงได้มีโอกาสพบปะขอความรู้จากอาจารย์ที่ปรึกษาหลายท่าน จนเป็นจุดเริ่มต้นของไอเดียใหม่ในการเปลี่ยนแปลงวงการท่องเที่ยวของบ้านเรา 

ทั้งคู่เริ่มลงไปวิจัยข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับความต้องการของนักท่องเที่ยวไทยเพิ่มเติม เพื่อหาอินไซท์อุตสาหกรรมที่กำลังจะกระโดดเข้าไปเล่นอย่างจริงจัง โดยใช้เวลารวบรวมข้อมูลถึง 6 เดือน และปรับปรุงตามคำปรึกษาของอาจารย์หลายท่าน จนท้ายที่สุดไปไปสะดุดกับ Pain Point สำคัญที่ว่า “นักเดินทางส่วนใหญ่เสียเวลามหาศาลกับการวางแผนทริป เพราะต้องไปเสิร์ชหาข้อมูลที่พักที่เที่ยว ซึ่งกระจัดกระจายอยู่ตามเว็บไซต์มากมายบนโลกออนไลน์”

จากอินไซท์ที่ได้ พวกเขาจึงเริ่มต้นลงมือพัฒนาเว็บไซต์ “Tripniceday” แพลตฟอร์มให้บริการข้อมูลด้านการท่องเที่ยวแบบครบวงจร ตั้งแต่หาข้อมูลที่กินที่เที่ยว ปักหมุดวางแผนทริปได้เลยบนเว็บไซต์ แถมยังเชื่อมต่อกับระบบนำทาง ให้อารมณ์คล้าย ๆ เว็บไซต์รีวิวผสมกับ Google Map ในที่เดียว ซึ่งเมื่อตัวเว็บไซต์เริ่มใช้งานได้จริง พวกเขาก็เริ่มส่งให้เพื่อน ๆ คนรู้จัก ให้เข้ามาทดลองใช้งาน และช่วยกันฟีดแบ็กจุดที่ต้องปรับปรุงเว็บไซต์ให้ดีขึ้น 

หลังจากที่ตัวเว็บไซต์เริ่มเข้าที่เข้าทาง พวกเขาตัดสินใจเดินสายพิชชิ่งหาเงินทุนมาทำธุรกิจอย่างจริงจัง แต่ก็เกือบตกม้าตายตั้งแต่เวทีแรก เมื่อโดนอีเมลมาแจ้งว่า “ไม่ผ่านการพิจารณา ขอให้ล้มเลิกธุรกิจเสีย” ซึ่งแม้จะทำให้ทั้งคู่ค่อนข้างเป็นกังวล และเกิดคำถามมากมายเกี่ยวกับสิ่งที่ตัวเองกำลังทำ แต่ด้วยเป้าหมายที่หวังให้ Tripniceday เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยฟื้นฟู Ecosystem ของการท่องเที่ยว ทำให้ทั้งคู่ยังคงไม่หยุดอยู่ตรงนั้น ดำเนินการพัฒนาและปรับปรุงผลิตภัณฑ์มาเรื่อยๆ จนเริ่มเป็นที่ยอมรับของตลาด มีผู้ใช้งานเพิ่มขึ้น 2 – 3 เท่าในแต่ละเดือน ตามที่พวกเขาเล็งเห็นความสำคัญไว้เป็นอันดับแรก

ด้วยสถิติยอดผู้ใช้งานที่พวกเขามี ทำให้พวกเขาสามารถนำตัวเลขไปเป็นเครื่องการันตีว่าธุรกิจของพวกเขาจะมีโอกาสเติบโตได้จริง จนได้รับเงินทุนสนับสนุนจากเวทีมากมาย ไม่ว่าจะเป็น NIDA Accelerator สำนักงานเลขานุการคณะกรรมการ ส่งเสริมกิจการอุทยานวิทยาศาสตร์ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม(สอว.) กองทุนพัฒนาผู้ประกอบการเทคโนโลยีและนวัตกรรม กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (TED Fund) รวมถึงเวที TAT Travel Tech Startup Season 2 ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) และ Growth Program ที่จัดขึ้นโดย NIA ด้วย

อย่างไรก็ตามธุรกิจก็คือธุรกิจ ถ้าทำเงินไม่ได้ก็เป็นได้แค่เพียงงานอดิเรก พวกเขาจึงตัดสินใจวางมือจากงานอื่น ๆ ที่ทำอยู่ และลงมือทำ “Tripniceday” อย่างจริงจัง เมื่อช่วงกลางปี 2020 ที่ผ่านมา เพื่อทุ่มเวลาให้กับธุรกิจของตัวเองแบบเต็มตัว และเริ่มต้นสานต่อโมเดลธุรกิจที่วางแผนกันไว้ เพื่อหารายได้ตามแผนการให้ได้จริง

โดย Tripniceday จะทำหน้าที่เป็นแพลตฟอร์มตัวกลางที่เชื่อมนักท่องเที่ยวเข้ากับพาร์ทเนอร์ผู้ให้บริการจองที่พัก จองการเดินทาง เช่น Agoda Booking Avis ฯลฯ และจะได้รับส่วนแบ่งจากยอดจองที่เกิดขึ้น ซึ่งทุกวันนี้พวกเขาสามารถสร้างรายได้ได้มากพอที่จะดำเนินธุรกิจโดยไม่ขาดทุน แม้จะได้รับผลกระทบจาก COVID-19 บ้างก็ตาม

ปัจจุบัน Tripniceday ถูกพัฒนามาอยู่บนแอปพลิเคชันมือถือเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งนับว่าตอบไลฟ์สไตล์การใช้งานของคนยุคใหม่มากขึ้น และเพียงไม่ถึง 2 ปี ก็มียอดผู้ใช้งานรวมแล้วกว่า 1 แสนครั้ง ไม่น่าเชื่อว่าจากแค่งานค้นคว้าสมัยปริญญาโท จะสามารถกลายมาเป็นสตาร์ทอัพหน้าใหม่ ที่ได้รับเงินลงทุนจากหลายแหล่งไปแล้วไม่น้อย

นี่เป็นหนึ่งสตาร์ทอัพที่แสดงให้เห็นว่า “อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว” ยังมีโอกาสที่สามารถต่อยอดสู่ธุรกิจและความเป็นไปได้ใหม่ ๆ อีกมากมาย หากคุณคือหนึ่งคนที่มีความฝันแบบเดียวกันนี้ อย่าลืมติดตามทุนนวัตกรรมดีๆ ของ NIA ได้ที่ mis.nia.or.th… ไม่แน่ว่าในอนาคต ไอเดียของคุณอาจกลายเป็นสตาร์ทอัพดาวรุ่งหน้าใหม่ ที่ไม่แพ้ Tripniceday ก็เป็นได้