สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน)
Search
color contrast
Normal
Black & White
Black & Yellow
font size

“เนเธอร์แลนด์” แดนกังหันลม ประเทศเล็กๆ ที่หล่อเลี้ยงคนทั้งโลกด้วยเกษตรกรรม

บทความ 16 มีนาคม 2565 8,892

“เนเธอร์แลนด์” แดนกังหันลม ประเทศเล็กๆ ที่หล่อเลี้ยงคนทั้งโลกด้วยเกษตรกรรม

 

“เนเธอร์แลนด์” แดนกังหันลม ประเทศเล็กๆ ที่สามารถหล่อเลี้ยงคนทั้งโลกด้วยเกษตรกรรม 

 

ทุ่งหญ้าอันสวยสดงดงาม กังหันลมสูงเด่นเป็นสง่า ทุ่งดอกไม้สารพัดสี ภาพเหล่านี้อาจเป็นสิ่งที่หลายๆ คนคงคิดถึงเมื่อพูดถึงเนเธอร์แลนด์ แต่ภายใต้ความงดงามทางธรรมชาติของประเทศเล็กๆ ที่มีขนาดพื้นที่เพียง 41,526 ตารางกิโลเมตร ทุกคนทราบไหมว่า เนเธอร์แลนด์กลับเป็นประเทศที่ส่งออกสินค้าเกษตรได้มากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลกเลยนะ เป็นรองแค่สหรัฐอเมริกาเท่านั้น เนเธอร์แลนด์ก่อร่างสร้างประเทศให้เป็นผู้นำด้านการเกษตรได้อย่างไร วันนี้ NIA จะเล่าให้ฟัง 

 

ทวงคืนแผ่นดินด้วย ระบบชลประทาน ฟื้นรากฐานที่สำคัญของประเทศ


กว่าเนเธอร์แลนด์จะเดินมาถึงในจุดนี้ได้ ผ่านการล้มลุกคลุกคลานมาอย่างยาวนาน เพราะแค่ชื่อประเทศเนเธอร์แลนด์ ยังแปลว่า “ดินแดนแผ่นดินต่ำ” เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่เคยเป็นน้ำทะเลมาก่อน ลักษณะประเทศเป็นพื้นที่ราบลุ่ม กว่า 20 เปอร์เซ็นต์อยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล และอีก 50 เปอร์เซ็นต์สูงกว่าระดับน้ำทะเลเพียง 1 เมตรเท่านั้น ทำให้เจอปัญหาด้านอุทกภัยมาโดยตลอด เกิดน้ำท่วมบ่อยครั้ง คนในพื้นนี้จึงต้องอยู่กันอย่างยากลำบาก ทั้งในแง่การใช้ชีวิต การทำเกษตรกรรม และในอีกหลายๆ ด้าน

 

เพื่อป้องกันปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากและให้ประชาชนมีพื้นที่สำหรับเพาะปลูกและทำการเกษตรเลี้ยงปากเลี้ยงท้องแล้ว ประเทศเนเธอร์แลนด์จึงจำเป็นต้องเร่งปรับปรุงพื้นที่ ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานในเชิงกายภาพให้พร้อมรับมือกับภัยธรรมชาติ โดยประเทศเนเธอร์แลนด์ให้ความสำคัญกับแผนการจัดการน้ำ เช่น การสร้างเขื่อน ทางระบายน้ำ และสถานีสูบน้ำจำนวนมากทั่วประเทศ รวมถึงพัฒนากังหันลมแบบต่างๆ เพื่อใช้ในการระบายน้ำ และใช้ในการเพาะปลูกตลอดจนการดำรงชีวิตประจำวันของผู้คน จนกลายเป็นอีกสัญลักษณ์หนึ่งของประเทศที่คนทั่วโลกจดจำได้

 

จนกระทั่งในปี ค.ศ.1953 เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมที่ใหญ่ที่สุดของเนเธอร์แลนด์ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไปมากถึง 2,000 คน ทำให้

มีการฟื้นฟูระบบชลประทานครั้งใหญ่อีกครั้งในโครงการ “Delta Works” เป็นการสร้างเขื่อนเพื่อป้องกันปัญหาน้ำท่วมด้วยงบประมาณกว่า 2.4 แสนล้านบาทจากรัฐบาล ส่งผลให้ประเทศมีระบบชลประทานที่มีประสิทธิภาพ เกษตรกรมีแหล่งน้ำใช้อย่างเพียงพอ วางแผนการเพาะปลูกได้ตามต้องการ ทำให้ปัจจุบันเนเธอร์แลนด์สามารถทวงคืนพื้นที่กว่า 54.11% ที่เคยมีปัญหาเรื่องน้ำท่วมให้กลายเป็นพื้นที่ที่ใช้ทำการเกษตรได้อย่างยั่งยืน จนกลายเป็นอาชีพหลักของคนในประเทศ


เนรมิตแดนเกษตรของโลกด้วยการศึกษาและการส่งเสริมด้านนวัตกรรม 

 

น้ำพร้อม พื้นที่พร้อม คนก็ต้องพร้อมด้วย! นอกจากประเทศเนเธอร์แลนด์จะให้ความสำคัญกับการพัฒนาพื้นที่และระบบชลประทานแล้ว ยังให้ความสำคัญกับการศึกษาเพื่อพัฒนาคนให้มีองค์ความรู้ โดยเฉพาะด้านพฤกษศาสตร์ ซึ่งเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ประเทศมีความโดดเด่นด้านเกษตรกรรม 

 

จุดเริ่มต้นมาจากเมืองไลเดิน (Leiden) ได้ทำการจัดตั้งมหาวิทยาลัยแห่งแรกของประเทศตั้งแต่ปี ค.ศ.1575 ในชื่อมหาวิทยาลัยไลเดิน (Universiteit Leiden) ซึ่งมหาวิทยาลัยแห่งนี้มีสวนพฤกษศาสตร์สมัยใหม่แห่งแรกของโลกและเริ่มมีการปลูกพืชในเรือนกระจกเพื่อใช้ปลูกพืชเขตร้อน อีกทั้งยังมีการศึกษาเรื่องต้นไม้อย่างเป็นระบบทั้งส่วนประกอบของพืช การดูแลรักษา การเก็บเกี่ยว ไปจนถึงการดูแลดอกไม้ต่างๆ 

 

และในปี ค.ศ.1876 ก็มีการก่อตั้งวิทยาลัยเกษตรแห่งชาติ ซึ่งปัจจุบันมีชื่อว่า มหาวิทยาลัยวาเคอนิงเงิน (Wageningen University & Research) เป็นอีกมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงดังไกลไปทั่วโลก ซึ่งมีความโดดเด่นด้านการศึกษาเรื่องการปศุสัตว์และไม้ดอกไม้ประดับมาตั้งแต่อดีต จนปัจจุบันได้กลายเป็นศูนย์กลางด้านการวิจัยวิทยาศาสตร์ชีวภาพและการเกษตรของโลกไปเรียบร้อยแล้ว

 

โดยมหาวิทยาลัยวาเคอนิงเงินยังเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันให้ประเทศนำงานวิจัยมาปรับใช้ในพื้นที่จริง จนเกิดเป็นนวัตกรรมหลายรูปแบบ ตั้งแต่การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ การปลูกพืชเรือนกระจก ไปจนถึงการพัฒนาสายพันธุ์ในระดับโมเลกุล ทำให้เกิดความร่วมมือทั้งภาครัฐและเอกชนในการช่วยกันขับเคลื่อนภาคการเกษตรให้แข็งแรงมากยิ่งขึ้น การศึกษาจึงเปรียบเหมือนปุ๋ยที่ช่วยเร่งให้การเกษตรในเนเธอร์แลนด์ออกดอกออกผลอย่างสวยงามจนถูกเรียกว่าเป็น Food Valley ของโลก

 

ต่อยอดไอเดีย! กับสตาร์ทอัพด้านการเกษตรที่โดดเด่นที่สุดในประเทศเนเธอร์แลนด์

 

เมื่อพูดถึงวงการสตาร์ทอัพด้านการเกษตรในประเทศเนเธอร์แลนด์ ก็ย่อมสอดคล้องกับความโดดเด่นของประเทศ โดยมีเมืองอัมสเตอร์ดัม (Amsterdam) เป็นจุดศูนย์กลางของ AgTech Statup Ecosystem ที่แข็งแรงมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก มีสตาร์ทอัพด้านการเกษตรกว่า 131 บริษัท ซึ่งปัจจุบันเน้นพัฒนานวัตกรรมที่ส่งเสริมด้านการเกษตรหมุนเวียน (Circular Agriculture) และอาหารแห่งอนาคต (Future Food) สำหรับสตาร์ทอัพที่น่าจับตามองในตอนนี้ เราก็มีมาแนะนำให้ทุกคนได้รู้จัก ดังนี้
 
1.“Solynta” สตาร์ทอัพจากเมืองวาเคอนิงเงินที่มีความเชี่ยวชาญด้านไบโอเทคโนโลยี ซึ่งกำลังศึกษาการเพาะพันธุ์มันฝรั่งลูกผสมที่มีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วกว่าสายพันธุ์อื่น ใช้น้ำน้อยกว่า ทนทานต่อโรคและศัตรูพืชหลากหลายชนิด นับว่าเป็นประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมการเกษตรเป็นอย่างมาก เพราะมันฝรั่งเป็นผลผลิตที่มีความต้องการสูง คนทั่วโลกนิยมนำไปทำอาหารในหลากหลายเมนู
 

2. "Connecterra" สตาร์ทอัพที่เน้นพัฒนานวัตกรรมในสายโคนม โดยใช้ AI ช่วยในการบริหารฟาร์ม ทำให้เรารู้ได้ว่าวัวแต่ละตัวมีความพร้อมในการตั้งครรภ์ตอนไหน เมื่อไหร่ที่เริ่มรีดนมได้ ไปจนถึงวิเคราะห์ได้ว่าวัวแต่ละตัวตอบสนองกับการให้อาหารในแต่ละครั้งมากน้อยแค่ไหน ซึ่งการบริหารฟาร์มโดยใช้ข้อมูลแบบนี้ก็จะช่วยให้ผลผลิตมีศักยภาพมากกว่าการสังเกตด้วยตัวเอง

 

3.“Duijvestijn Tomaten” สตาร์ทอัพผู้คิดค้นการปลูกมะเขือเทศในเรือนกระจกโดยใช้ระบบไฮโดรโปนิกส์หรือการปลูกพืชแบบไร้ดิน ช่วยลดการใช้น้ำได้เป็นอย่างดีและสามารถปลูกได้ในหลายฤดูกาล โดยความพิเศษของสตาร์ทอัพนี้ก็คือการควบคุมอุณหภูมิในเรือนกระจกด้วยความร้อนจากใต้พื้นดิน ทำให้การทำการเกษตรเป็นมิตรต่อโลกมากขึ้นและใช้ประโยชน์จากธรรมชาติได้เต็มศักยภาพ

 

เป็นอย่างไรกันบ้างกับเส้นทางการเดินทางของผู้นำด้านเกษตรกรรมของโลกอย่างเนเธอร์แลนด์ จะเห็นได้ว่าขนาดของพื้นที่ที่แม้จะเล็กกว่าประเทศอื่นๆ หลายเท่า หรือสภาพภูมิศาสตร์ที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการเพาะปลูกนั้น แทบไม่มีผลต่อการทำเกษตรกรรมเลย แต่การวางโครงสร้างพื้นฐานทั้งในเชิงกายภาพและองค์ความรู้ต่างหาก ที่เป็นหัวใจหลักของการพัฒนาด้านการเกษตรอย่างแท้จริง จนนำพาให้ประเทศเล็กๆ แห่งนี้ ถูกขนานนามว่าเป็นแหล่งผลิตอาหารเลี้ยงคนทั้งโลกนั่นเอง

 

ข้อมูลอ้างอิงจาก :
https://dutchreview.com/culture/innovation/second-largest-agriculture-exporter/
https://urbancreature.co/flood-netherlands/
https://www.hortusleiden.nl/en/the-hortus/history
http://vegansustainability.com/dutch-horticulture-industry-leads-the-world/
https://www.wur.nl/en/About-WUR/History-of-Wageningen-University-Research.htm
https://startupgenome.com/ecosystems/amsterdam
https://startupill.com/42-best-the-netherlands-agtech-startups-the-future-of-farming/
https://www.solynta.com/about-solynta/
https://www.forbes.com/sites/oliversmith/2017/11/17/how-connecterra-is-getting-thousands-of-cows-online/
https://www.longtunman.com/26520